วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ผีห่าซาตานของฝรั่ง กับเทพท้องถิ่นที่ถูกเปลี่ยนเป็นปีศาจ

ซาตาน (Satan) ภาษาอาหรับ ชัยฏอน (shaitan) หรือ อิบลีส ตามคติความเชื่อในศาสนาอิสลามแล้ว เป็นนามของญินตนหนึ่งที่หลอกลวงให้อาดัมและเฮาวาอ์ภรรยา ต้องออกจากสวนสวรรค์ และสาบานว่าจะตามล้างตามผลาญลูกหลานมนุษย์จนถึงวันโลกาวินาศ ในไบเบิลเรียกว่า ซาตาน (Satan) หรือ ชัยฏอน (Shaitan) อาจจะหมายถึง มารร้ายตนอื่น ๆ ที่เป็นพรรคพวกของอิบลีสก็ได้

เชื่อว่า Satan มาจากภาษาฮีบรู (שָּׂטָן) และก็ไปเป็นกรีก Σατάν ‎(Satán), และก็ไปเป็นลาติน (Satān) สุดท้ายจึงพัฒนามาเป็นภาษาอังกฤษ (Satan)

ซาตานเป็นคำที่ใช้เรียกผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเป็นเจ้า ซึ่งปรากฏในคัมภีร์ของกลุ่มศาสนาอับราฮัม ในบางครั้งอาจถูกรวมกับความเชื่อที่เกี่ยวกับ เบเอลเซบูล หรือ เบลเซบับ  (Beelzebub) ซึ่งหมายถึงเจ้าแห่งความวุ่นวาย หรือ เจ้าแห่งแมลง พญาแมลงวัน "บาปตะกละ" (Gluttony) หนึ่งในบาปเจ็ดประการ(Seven Deadly Sins) แต่ยุคหลังว่าเป็นคนละตนกันชัดเจน

ซาตานผู้นำพาความชั่วและการล่อลวง ที่ทราบกันว่าเป็นผู้ล่อลวง นำพามนุษยชาติให้หลงผิด บางศาสนาสอนว่า ซาตานกำเนิดเป็นทูตสวรรค์ซึ่งเกิดความคิดว่ามีสิทธิอำนาจเทียบเคียงได้กับพระเป็นเจ้า จึงชักจูงมนุษยชาติเข้าสู่วิถีบาป และมีอำนาจในแผ่นดินโลก ในคัมภีร์ฮีบรูไบเบิลและคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ ซาตานเป็นผู้ต่อต้านอำนาจจากพระเจ้าเป็นหลัก เป็นความชั่วร้ายซึ่งมีคุณสมบัติที่เรียกว่าปีศาจ

ปีศาจบาโพเมท(Baphomet) เป็นร่างจำแลงของซาตาน

.......

Cernunnos

คือพระเจ้า “เจ้าแห่งสัตว์”  (ปศุบดีในอารยธรรมสินธุ)หรือ “เทพแห่งการล่าสัตว์” เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่ง มีเขากวางบนเศียรชี้ให้เห็นว่าพระเจ้า Cernunnos เป็นเทพของชนพื้นเมือง ที่อาจจะมีรูปลักษณ์การแต่งกายของชนพื้นเมืองที่แอลไพน์  ต่อมามีการนับถือและเผยแพร่โดยพวกเซลติกส์  ยุคเริ่มต้นของคริสต์ศตวรรษที่ห้า บางคนเชื่อว่า Satan หรือ Baphomet เป็นร่องรอยของพระเจ้า Cernunnos ในศาสนานาเก่าที่ถูกทำให้เป็นปีศาจในศาสนาคริสต์

หมายเหตุ กลุ่ม Alpine (แอลไพน์) คือประชาชนในเขตเทือกเขาแอลป์ แถวยุโรปกลาง ได้แก่ ประเทศออสเตรีย เบลเยียม ฯ ซึ่งความเชื่อเรื่องปีศาจ krampus ก็แพร่หลายอยู่ในถิ่นพวกนี้ จึงเป็นไปได้ว่า krampus ก็มีรากความเชื่อมาจาก Cernunnos ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ดีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้ามีเขา (Horned God) มีอยู่ทั่วโลก

https://youtu.be/zZzyl5Nc12g

ไนคเมษะ नैगमेष Naigamesha

เป็นเทพผู้ปกป้อง และให้กำเนิดเด็ก ตามศาสนาเชน หรือไชนะ 

เชื่อกันว่า ตีรถังกร มหาวีระ ของศาสนาเช่น
ถูกเปลี่ยนตัวในครรภ์มารดากับสตรีนางหนึ่งด้วยอำนาจของเทพไนคเมษะ
(ที่จริงมารดาต้องให้ประสูติธิดา)

บางตำนานเชื่อว่า ไนคเมษะ เป็นปางหนึ่งของพระขันธกุมาร

โดยมากไนคเมษะ มักมีเศียรเป็นกวาง แพะ และแกะภูเขา 

เชื่อว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากปศุบดียุคอารยธรรมสินธุ์ เช่นเดียวกับพระทักษะ ประชาบดีที่มีเศียรเป็นแพะ
........



แพน (Pan)

บางตำนานว่าเป็นเทพแพนผู้เป็นหลานของเทพซูส ผู้เป็นเทพสูงสุดของกรีก
คือเทพแพนเป็นโอรสของเทพเฮอร์มีส กับนางพรายน้ำตนหนึ่ง
ว่ากันว่า แพนเป็นเทพแห่งการเลี้ยงสัตว์ การล่าสัตว์ ดนตรีพื้นบ้าน ทุ่งโล่งและดงทึบ
(ภาษากรีก “paein” ที่แปลว่า “ในท้องทุ่ง” to pasture)
หรืออาจเรียกว่าเป็น เทพแห่งธรรมชาติทั้งปวงก็ได้ นอกจากนี้ คำว่า “แพน”
ในภาษากรีกก็ยังมีความหมายว่า “All”

เรื่องเล่าในตำนานกรีกทำให้เทพแพนมักเกี่ยวข้องกับเรื่องของการสืบพันธุ์

ในปัจจุบันมีศัพท์ใหม่เกี่ยวกับเพศวิถีคือ

Pansexual หมายถึง พฤติกรรมทางเพศทึ่ชอบและมีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้
โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศวิถีและเพศตามกำเนิดแต่อย่างใด

.........

เซเทอร์ (satyr )

ตามตำนานว่าเป็นผู้ติดตามของเทพแพน (Pan) และเทพไดโอไนซัส (เทพแห่งไวน์)
เซเทอร์ มีลักษณ์กล้ายเทพแพน และเกี่ยวข้องกับพลังทางเพศของเพศชาย

จึงมักเป็นคู่กับพวกนางอัปสร nymph ที่เกี่ยวกับพลังทางเพศหญิง

satyriasis คือ โรคขาดสตรีไม่ได้

nymphomania คือ โรคขาดบุรุษไม่ได้
........

ฟอน (faun หรือ phaunos)

เป็นการสำแดงตนของป่าและวิญญาณสัตว์เป็นครึ่งคนครึ่งแพะ มีลักษณะเหมือนเซเทอร์

.....
พิธีบูชาเทพไดโอไนซัส แห่งไวน์ หรือเทวีแห่งจันทร์ และเทพกรีกโบราณอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเกี่ยวกับเรื่องทางเพศและการสืบพันธุ์เพื่อสร้างจำนวนประชากรให้สังคมเกษตรกรรมที่ต้องการแรงงานสูง

แต่ต่อมาเมื่อศาสนาในโลกใหม่บูชาความบริสุทธิ์ และจำนวนประชากรต้องถูกควบคุมเพื่อไม่ใช้มีการแย่งชิงทรัพยากร

ทำให้พิธีกรรมลัทธิศาสนาโบราณต่าง ๆ ที่สังคมในโลกใหม่ไม่ต้องการ
ถูกเหยียดว่าเป็นพิธีกรรมของพวกแม่มด และซาตานในศาสนาคริสต์ในสมัยต่อมา


ตารางเปรียบเทียบเทพเจ้าของอารยันจากอารยธรรมต่าง ๆ

            นอกจากนี้ ปีศาจของกษัตริย์โซโลมอน น่าจะพัฒนามาจากเทพท้องถิ่นเดิมที่มีความสัมพันธ์กับดาราศาสตร์เพราะมีการกำหนดช่วงเวลาในแต่ละเดือนที่ปีศาจแต่ละตนจะมีอำนาจมากซึ่งบางตนก็ตรงกับเวลาที่กลุ่มนั้น ๆ โคจรอยู่บนท้องฟ้าโดยเฉพาะจอมปีศาจ "โอริอัส" ก็คือกลุ่มดาวโอไรออน (เทพหลังความตายโอไซริสของอียิปต์ หรือพระทักษะ ประชาบดีของอินเดีย) ก็จะขึ้นอยู่ให้เห็นเด่นชั้นในช่วงต้นปีใกล้เคียงกับเวลาที่จอมปีศาจ "โอริอัส" มีอำนาจ ดังนั้นแท้ที่จริงปีศาจทั้งหลายของโซโลมอนอาจจะเป็นวิชาโหราศาสตร์โบราณที่ผูกพันกับกลุ่มดาวต่าง ๆ ที่ถูกมองให้เป็นรูปเทพโบราณในสมัยนั้น ก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจของโซโลมอน เพราะปีศาจของโซโลมอนหลายตนสามารถสืบได้ว่ามีเป็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้าในอารยธรรมอียิปต์ และกรีก



ทักษะ ประชาบดี, จอมปีศาจแห่งโชคชะตา "โอริอัส" , พญายม "โอไซริส" , ดาวนายพราน "โอไรออน"

คือตนเดียวกัน แต่มีความหมายต่างกันไปตามแต่อารยธรรม

โดยแต่เดิม กลุ่มดาวโอไรออน ในอารยธรรมอียิปต์ถูกมองว่าเป็นเทพโอไซริส เทพหลังความตาย ผู้เป็นมัมมี่ตนแรกในตำนาน โดยชายาของพระองค์เทวีแห่งมนตรา "ไอซิส" เป็นผู้คิดค้นวิธีการทำมัมมี่เพื่อชุบชีวิตพระองค์ขึ้น และชาวอียิปต์โบราณจึงสร้างปิรามิด ให้ทำมุมสัมพันธ์กับกลุ่มดาวโอไรออน และ ดาวเหนือ  (Ursa minor , Reference from Virginia Davis . 1985) ซึ่งก็คือเทพ "ฮอรัส" พญาเหยี่ยว (นกส่งผีขวัญของอียิปต์) คือเทพแห่งท้องฟ้าผู้พาดวงวิญญาณของคนตายนั่งเรือของเทพเจ้ารา (เทพแห่งดวงอาทิตย์) ข้ามแม่น้ำแห่งความตายไปสู่ยมโลก ที่ ๆ เทพอานูบิส (กลุ่มดาวสุนัขใหญ่) จะพาวิญญาณของผู้ตายไปหาเทพโอไซริส (กลุ่มดาวนายพราน) เพื่อชั่งความดีและความชั่วกับขนนกแห่งความจริง ต่อหน้าเทพโอไซริส ก่อนส่งวิญญาณผู้ตายไปยังนรก (โลกมืด) หรือสวรรค์ (โลกสว่าง)


 (Reference from Virginia Davis . 1985)

   ตามตำนานอียิปต์เทพโอไซริสคือมัมมี่ตนแรก
   ตามตำนานอินเดีย พญายมเป็นบุคคลแรกที่เดินทางไปถึงยมโลก
   ในหนังสือกุญแจของโซโลมอน กล่าวว่า "โอริอัส" เป็นจอมปีศาจแห่งโชคชะตา
สามารถให้ความรู้เรื่องดาราศาสตร์ ซึ่งปกติการจะมองดูกลุ่มดาวในจักรราศี หรือสิบสองราศีบนท้องฟ้า
ถ้าหากลุ่มดาวโอไรออน (โอไซริส ของอียิปต์) ให้พบแล้ว ก็จะสังเกตหากลุ่มดาวอื่น ๆ ในจักรราศีได้ง่าย
ทำให้ชาวอินเดียตั้งให้ดาวนายพรานเป็นพ่อของ นางนักษัตรัม ๒๘ ตนที่อาศัยอยู่ในสิบสองราศีบนท้องฟ้า




......ถ้าโอไรออนคือเทพ "อาบราซัส" (Abraxas - สุริยเทพ) หรือ "ไทพอน" (Typhon- เทพแห่งพายุ)...


......... ทาเวเรต (Taweret) เทวีแห่งการเกิด คือจอมปีศาจแห่งน้ำและพายุ "ไวพาร์" (Vepar).......


......เทพไก่อาบราซัส (Abraxas) ก็มีผู้เปรียบว่าเหมือนพญาครุฑยุดนาค....

ซึ่งก็สัมพันธ์กับเทพเหยี่ยวฮอรัส (Horus) บุตรแห่งเทพโอไซริส และเทวีไอซิส


......ซึ่งเทพฮอรัส (นกส่งผีขวัญ - ดาวเหนือ ) ..... (Reference from Virginia Davis . 1985)
เทียบได้กับจอมปีศาจแห่งการฆ่าแอนดรัส (Andras) ได้เช่นกัน
เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องแม่น้ำแห่งความตาย (ทางช้างเผือก - แม่น้ำคงคาในสวรรค์) เรือหรือนกส่งผีขวัญไปสู่โลกหน้า และการเวียนว่ายตายเกิดของคนสมัยโบราณถูกเชื่อมโยงกับดวงดาวบนท้องฟ้า และดาราศาสตร์มาก่อนยุคประวัติศาสตร์ทุกอารยธรรม เพียงแต่การตีความและนิทานที่สร้างขึ้นรับรองนั้นมีรายละเอียดต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรม...แต่สุดท้ายก็เหมือน ๆ กัน คือดีคนรักก็อวยชัยว่าให้ได้ไปสวรรค์ ชั่วคนชังก็สาปส่งให้ไปตกนรก

หมายเหตุ : นักวิชาการส่วนหนึ่งว่า กลุ่มดาวแม่น้ำ Eridanus คือเทพ Horas แต่ส่วนหนึ่งก็ว่าคือแม่น้ำแห่งชีวิตที่ข้ามไปสู่โลกแห่งความตายของอียิปต์ ดังนั้น Virginia Davis (1985)  จึงเสนอว่ากลุ่มดาวหมีน้อย หรือดาวเหนือคือเทพ Horas เพื่อให้สอดคล้องกับตำนานเทพฮอรัส อานูบิส และโอไซริส ผูกพันกับโลกหลังความตาย และกลุ่มดาว Sirius เดิมว่าคือเทวีแห่งมนตรา "ไอซิส" และจระเข้ มาก่อนแต่ต่อมาเมื่อเทพอานูบิสได้รับความนิยมจึงถูกมองว่าเป็นรูปสุนัข (Black Jackal) เพราะมีกลุ่มดาวผมเบเรนิซ ถูกมองว่าเป็นเทวีไอซิสกับบุตรในอารยธรรมอียิปต์อยู่แล้ว


.....ส่วน เทพอานูบิส ผู้ดูแลมัมมี่ และโลกแห่งความตาย....
เทียบได้กับ สุนัขสามหัวยามเฝ้านรกของกรีก "เซอร์เบอรัส" (Cerberus)
และจอมปีศาจแห่งการบังคับศพ (Mummy หรือ Zombie) "บูเน" (Bune)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น