ราศีปีศาจที่ 32 อัสโมดิอุส Asmodeus สำหรับผู้เกิดในวันที่ 28 สิงหาคม - 1 กันยายน
😈 อัสโมดิอุส Asmodeus คือราชาปีศาจแห่งนรกขุมที่เก้า เป็นเจ้าแห่งตัณหาราคะทั้งปวง ตามความเชื่อทางคริสต์ศาสนากล่าวว่าแต่เดิม Asmodeus คือเทพชั้นเซราฟีม Serapim หรือเซราฟ Seraph คณะเทพแห่งแสงสว่าง เป็นหนึ่งในผู้นำทั้ง 7 ในการทรยศต่อพระเจ้า ถือว่าเป็นหนึ่งในเทพบุตรและธิดาแห่งเจ็ดบาปจากนรก
ปาบทั้ง 7 (Seven Sins & deities)
1) ลูซิเฟอร์ Lucifer: พญามารแห่งความเย่อหยิ่ง pride ปรปักษ์คือ ไมเคิล Michael: เทวทูตแห่งความอ่อนน้อม Humility
2) มันมอน Mammon: พญามารแห่งความโลภ greed ปรปักษ์คือ กาเบียล Gabeiel: เทวทูตแห่งความเอื้ออารี liberality
3) อัสโมดิอุส Asmodeus: พญามารแห่งตัณหา lust ปรปักษ์คือ ชามูเอล Chamuel: เทวทูตแห่งความบริสุทธิ์ใจ chastity
4) เลวีอาธาน Leviathan: พญามารแห่งความอิจฉา envy ปรปักษ์คือ โจฟิเอล Jofiel: เทวทูตแห่งความเมตตา kindness
5) เบลเซบับ Beelzebub: พญามารแห่งความตะกละ gluttony ปรปักษ์คือ ซาดกิเอล Zadkiel: เทวทูตแห่งการงดเว้น (ถือศีล) abstinence และความสำรวม temperance
6) ซาตาน Satan: พญามารแห่งความพิโรธ wrath ปรปักษ์คือ ราฟาเอล Raphael: เทวทูตแห่งความอดทน patience
7) เบลเฟกอร์ Belphegor: พญามารแห่งความเฉื่อยชาขี้เกียจ sloth ปรปักษ์คือ อูริเอล Uriel: เทวทูตแห่งความขยัน diligence
โดยพญามารสามตนคือ ลูซิเฟอร์ ซาตาน และอัสโมดิอุส (แล้วแต่สำนวน) มีตำนานแต่งว่าเป็นสามีของนางลิลิธ อดีตภรรยาคนแรกของอาดัม (พระมนูคนแรกของชาวยิว และคริสต์ ผู้ชายคนแรกของโลก) ซึ่งเมื่อได้เลิกรากันไปนางก็ไปอยู่กินกับพญามารตนหนึ่งจนกลายเป็นราชินีมาร มีลูกมากมายโดยแบ่งเป็นสองพวกคือ
1) อินคูบัส Incubus ปีศาจชายที่ค่อยลักหลับเป็นผีอำกับสาว ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดลูกไม่มีพ่อ ซึ่งกลายเป็นพ่อมดแม่มด หรืออสูรกายในภายหลังเนื่องจากสืบทอดพลังปีศาจจากพ่อ เล่ากันว่าพ่อมดเมอร์ลินของกษัตริย์อาเทอร์ในเรื่องอัศวินโต๊ะกลมก็เป็นลูกของอินคูบัส ซึ่งก็มีน้อยที่พวกพ่อมดจะเป็นคนดี (ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเด็กมีปัญหาถูกทอดทิ้งเพราะมีพลังที่น่ากลัว สุดท้ายก็ไปสู่ด้านมืดตามพลอตเรื่อง plot ฝรั่ง)
2) ซัคคูบัส Succubus ปีศาจสาวมักจะไปลักหลับและขโมยพลังจากพวกหนุ่ม ด้วยการเข้าฝัน โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นพระนักบวช ซัคคูบัสจะยิ่งชอบเข้าไปก่อกวนเรียกสูบพลังชีวิตไปจนตายก็มี (ไหลตายของฝรั่ง) โดยบางตำนานจะกล่าวซัคคูบันจะเอาพลังจากพวกหนุ่มไปและให้กำเนิดลูกปีศาจที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะกับผู้กล้าหรือวีรชน จากนั้นเด็กนั้นคอยทำร้ายพวกมนุษย์ไม่เว้นแม้แต่พ่อของมันเอง
ภาพที่ 1 มารดาแห่งปีศาจลิลิธ กับบุตรสาว "ซัคคูบัส" และบุตรชาย "อินคูบัส"
เนื่องจากตำนานเดิมลิลิธกลายเป็นภรรยาของลูซิเฟอร์ ต่อมามีผู้สับสนระหว่างลูซิเฟอร์กับซาตานและ อะซาเซล Azazel (เทวทูตแห่งความตาย ) หรือ ซามาเอล Samael (เทวทูตแห่งการทำลายล้าง) ทำให้ ซาตาน และตนอื่นถูกว่าเป็นสามีของนางลิลิธด้วย แต่เนื่องจาก อัสโมดิอุส เป็นพญามารแห่งตัณหาต่อมาจึงมีผู้ว่าเป็นสามีของนางลิลิธเช่นกัน เพราะดูจะเหมาะสมกับการเป็นพ่อของปีศาจบ้ากามอย่างอินคูบัสและซัคคูบัส
😈ส่วนในตำรากุญแจย่อยของโซโลมอน อัสโมดิอุส Asmodeus เป็นพญามารลำดับที่ 32 ที่พระเจ้าสุลัยมานทรงเรียกได้ โดยพญามารตนนี้คุมกองทัพผีและปีศาจ 72 กองพล มีอำนาจในการทำให้คนเป็นอมตะ ให้ความรู้ด้านศิลปะ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และหัตถกรรม บอกที่ซ่อนสมบัติลับได้
😈 อัสโมดิอุส Asmodeus คือราชาปีศาจแห่งนรกขุมที่เก้า เป็นเจ้าแห่งตัณหาราคะทั้งปวง ตามความเชื่อทางคริสต์ศาสนากล่าวว่าแต่เดิม Asmodeus คือเทพชั้นเซราฟีม Serapim หรือเซราฟ Seraph คณะเทพแห่งแสงสว่าง เป็นหนึ่งในผู้นำทั้ง 7 ในการทรยศต่อพระเจ้า ถือว่าเป็นหนึ่งในเทพบุตรและธิดาแห่งเจ็ดบาปจากนรก
ปาบทั้ง 7 (Seven Sins & deities)
1) ลูซิเฟอร์ Lucifer: พญามารแห่งความเย่อหยิ่ง pride ปรปักษ์คือ ไมเคิล Michael: เทวทูตแห่งความอ่อนน้อม Humility
2) มันมอน Mammon: พญามารแห่งความโลภ greed ปรปักษ์คือ กาเบียล Gabeiel: เทวทูตแห่งความเอื้ออารี liberality
3) อัสโมดิอุส Asmodeus: พญามารแห่งตัณหา lust ปรปักษ์คือ ชามูเอล Chamuel: เทวทูตแห่งความบริสุทธิ์ใจ chastity
4) เลวีอาธาน Leviathan: พญามารแห่งความอิจฉา envy ปรปักษ์คือ โจฟิเอล Jofiel: เทวทูตแห่งความเมตตา kindness
5) เบลเซบับ Beelzebub: พญามารแห่งความตะกละ gluttony ปรปักษ์คือ ซาดกิเอล Zadkiel: เทวทูตแห่งการงดเว้น (ถือศีล) abstinence และความสำรวม temperance
6) ซาตาน Satan: พญามารแห่งความพิโรธ wrath ปรปักษ์คือ ราฟาเอล Raphael: เทวทูตแห่งความอดทน patience
7) เบลเฟกอร์ Belphegor: พญามารแห่งความเฉื่อยชาขี้เกียจ sloth ปรปักษ์คือ อูริเอล Uriel: เทวทูตแห่งความขยัน diligence
โดยพญามารสามตนคือ ลูซิเฟอร์ ซาตาน และอัสโมดิอุส (แล้วแต่สำนวน) มีตำนานแต่งว่าเป็นสามีของนางลิลิธ อดีตภรรยาคนแรกของอาดัม (พระมนูคนแรกของชาวยิว และคริสต์ ผู้ชายคนแรกของโลก) ซึ่งเมื่อได้เลิกรากันไปนางก็ไปอยู่กินกับพญามารตนหนึ่งจนกลายเป็นราชินีมาร มีลูกมากมายโดยแบ่งเป็นสองพวกคือ
1) อินคูบัส Incubus ปีศาจชายที่ค่อยลักหลับเป็นผีอำกับสาว ๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดลูกไม่มีพ่อ ซึ่งกลายเป็นพ่อมดแม่มด หรืออสูรกายในภายหลังเนื่องจากสืบทอดพลังปีศาจจากพ่อ เล่ากันว่าพ่อมดเมอร์ลินของกษัตริย์อาเทอร์ในเรื่องอัศวินโต๊ะกลมก็เป็นลูกของอินคูบัส ซึ่งก็มีน้อยที่พวกพ่อมดจะเป็นคนดี (ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเด็กมีปัญหาถูกทอดทิ้งเพราะมีพลังที่น่ากลัว สุดท้ายก็ไปสู่ด้านมืดตามพลอตเรื่อง plot ฝรั่ง)
2) ซัคคูบัส Succubus ปีศาจสาวมักจะไปลักหลับและขโมยพลังจากพวกหนุ่ม ด้วยการเข้าฝัน โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นพระนักบวช ซัคคูบัสจะยิ่งชอบเข้าไปก่อกวนเรียกสูบพลังชีวิตไปจนตายก็มี (ไหลตายของฝรั่ง) โดยบางตำนานจะกล่าวซัคคูบันจะเอาพลังจากพวกหนุ่มไปและให้กำเนิดลูกปีศาจที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะกับผู้กล้าหรือวีรชน จากนั้นเด็กนั้นคอยทำร้ายพวกมนุษย์ไม่เว้นแม้แต่พ่อของมันเอง
เนื่องจากตำนานเดิมลิลิธกลายเป็นภรรยาของลูซิเฟอร์ ต่อมามีผู้สับสนระหว่างลูซิเฟอร์กับซาตานและ อะซาเซล Azazel (เทวทูตแห่งความตาย ) หรือ ซามาเอล Samael (เทวทูตแห่งการทำลายล้าง) ทำให้ ซาตาน และตนอื่นถูกว่าเป็นสามีของนางลิลิธด้วย แต่เนื่องจาก อัสโมดิอุส เป็นพญามารแห่งตัณหาต่อมาจึงมีผู้ว่าเป็นสามีของนางลิลิธเช่นกัน เพราะดูจะเหมาะสมกับการเป็นพ่อของปีศาจบ้ากามอย่างอินคูบัสและซัคคูบัส
😈ส่วนในตำรากุญแจย่อยของโซโลมอน อัสโมดิอุส Asmodeus เป็นพญามารลำดับที่ 32 ที่พระเจ้าสุลัยมานทรงเรียกได้ โดยพญามารตนนี้คุมกองทัพผีและปีศาจ 72 กองพล มีอำนาจในการทำให้คนเป็นอมตะ ให้ความรู้ด้านศิลปะ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และหัตถกรรม บอกที่ซ่อนสมบัติลับได้
ภาพที่ 2 เชรูบิม Cherubim หรือ เชรูบ Cherub มีหน้าที่เดิมคือเป็นเทพอารักษ์ดูแลสวนอีเดนของพระเจ้าน่าจะมีที่มาจากสฟิงซ์เพศชายของบาบิโลเนียที่เรียกว่า ลัมมัสซุ lamassu หรือ เชดุ shedu
อันครา ไมยุ Angra Maiyu เทพสิงโตกึ่งมังกรแห่งความมืดของลัทธิโซโรอัสเตอร์
อาหริมัน Ahriman ผู้ส่งสารแห่งความมืดของเทพอันครา ไมยุ เปรียบเทียบกับพญามาร อัสโมดิอุส Asmodius
ภาพที่ 3 พระตรีเอกานุภาพ trinity คือการเป็นหนึ่งของ พระบิดา พระบุตร พระจิต กับเทพอารักษ์ เชรูบิม Cherub เปรียบเทียบกับพญามารอัสโมดิอุส
ภาพที่ 4 เทพเซติก Celtic (ตอนกลางยุโรป) ลูกูส Lugus ปางหนึ่งของเทพเมอร์คิวรี่ Mercury หรือเทพโอดิน หรือเทพโคนอส พระเสาร์ของกรีก (Chronos / Cronus the saturn god of greek)
อษะ Asha เทพแห่งไฟความจริงและความยุติธรรมพวกอหูระ Ahura ในคัมภีร์อะเวสตะ Avesta (พวกเดียวะ Daeva คือเทพ Deva ในฮินดูเป็นพวกปีศาจ ในคัมภีร์อะเวสตะ)
อาซูร่า Azura อสูรแห่งไฟในพุทธศาสนาของญี่ปุ่น
พระอัคนี เทพแห่งไฟยุคพระเวท Veda ของศาสนาฮินดู เปรียบเทียบกับพญามารอัสโมดิอุส
ภาพที่ 5 ภาพลัมมัสสุ lamassu หรือ เชดุ Shedu เทพสฟิงซ์ อารักษ์แห่งอาณาจักรบาบิโลเนียเพศชาย
ภาพที่ 6 ภาพสฟิงซ์ ในอารยธรรมต่าง ๆ
💚😇💜😇💛😇💜😇💛😇💜😇💛
เมื่อมีราศีปีศาจประจำตนแล้ว แน่นอนย่อมมีราศีเทพสวรรค์ผู้ค่อยพิทักษ์รักษาตนด้วย ดังนั้น "วาซารีอาห์" Vasariah เทวทูตสวรรค์แห่งความยุติธรรม และความเมตตากรุณา สามารถช่วยให้มีความกล้าในการพูดและประสบชัยชนะในศาล ที่ชุมชน บันดาลให้เกิดความรู้ผิดชอบชั่วดี และนำพาชีวิตของมวลมนุษย์ด้วยความยุติธรรม และทำให้เป็นผู้มีความจำดีไม่หลงลืม วาซารีอาห์ Vasariah เทวทูตสวรรค์จะประจำราศีผู้ที่เกิดในวันที่ 28 สิงหาคมถึง 1 กันยายน ผู้ประสาทพรให้ผู้ที่เกิดในวันนี้เป็นพิเศษ
ภาพที่ 7 เทวทูตสวรรค์แห่งความเมตตา และยุติธรรม วาซารีอาห์ Vasariah
ที่มา https://guardianangelguide.com/guardian-angel-vasariah/
หมายเหตุ
๑ สฟิงซ์อียิปต์ซ์หน้าพีระมิด มักจะเป็นเพศชายไม่มีปีกเชื่อว่าเป็นใบหน้าองค์ฟาโรห์ สฟิงซ์ตามเสาในวิหารหรือพีระมิดอาจจะเป็นสตรีแล้วแต่การตกแต่งและมีปีก
๒ สฟิงซ์กรีกส่วนใหญ่มักเป็นเพศหญิง
๓ สฟิงซ์บาบิโลเนีย หรือ เซดุ ของบาบิโลเนีย เป็นครึ่งคนครึ่งสิงห์โต หรือวัวมีปีกบ้างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
๔ สัตว์ที่คล้ายสฟิงซ์ที่สุดของวรรณคดีอินเดียคือ แม่วัวสวรรค์ "กามเธนุ" Kamadhenu เพราะมีลักษณะอย่าง "กิมปุรุษี" คืออมนุษย์ กิมปุรุษะเพศหญิงในตำนานที่ตัวเป็นสัตว์หน้าเป็นคน
๕ สฟิงซ์ของบาบิโลเนีย คือเชดุ Shedu หรือลัมมัสซุ Lamassu เป็นต้นกำเนิด "เชรูบิม" เหล่าเทวทูต Cherubim ผู้เฝ้าสวนอีเดน (หน้าที่แรก) เหมือนสฟิงซ์ และสัตว์เทพพาหนะในศาสนาฮินดู มีความคล้ายกับ อัสโมดิอุส มากกว่าเทพชั้นเซราฟิม Seraphim แต่เชื่อว่า อัสโมดิอุส อาจจะพัฒนามาจากเทพอียิปต์ "อะเปเดมัก" Apedemak ปางที่มีเศียรเป็นสิงโตสามเศียร และกลายเป็น "อะหริมัน" Ahriman เทพแห่งความหลอกลวงและความโกรธ บริวารของเทพแห่งความมืด "อันครา ไมนยุ" Angra Mainyu เพราะทั้งสองมีปางที่เศียรเป็นสิงห์โตเช่นเดียวกัน ซึ่งความสับสนระหว่างคัมภีร์อะเวสตะที่เรียกพวกเทวดาว่า อะหุระ (อสุระ) เรียกปีศาจว่าเดียวะ (เทวะ) ส่วนคัมภีร์พระเวทเรียกพวกเทวดาว่า เทวะ (เดียวะ Daeva) และเรียกปีศาจว่า อสุระ (อะหุระ Ahura) จึงอาจจะทำใหั asha เทพไฟและแสงสว่างในอะเวสตะ กับเทพมาร Ahriman รวมบุคลิกภาพเข้าด้วยกันกลายเป็นอสูรแห่งไฟในพุทธศานามหายานก่อนส่งผ่านมาเป็น อาซูร่าแบบญี่ปุ่น ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพระอัคนีมากกว่า อสูรเขาควายของอินเดีย เพราะอินเดียแดนเหนือก็มีนิกายโซโรอัสเตอร์ทายาทของคัมภีร์อะเวสตะอยู่บ้างตั้งแต่สมัยพุทธกาลที่มีพวกชฎิลบูชาไฟไปถึงยุคสมัยของพระเจ้ากนีษกะมหากษัตริย์ชาวพุทธแห่งปากีสถาน ทำให้รับบุคลิกภาพเทพพวกอะหูรา (Ahura) ที่สับสนกับพระอัคนีของฮินดูมาเป็นอสูรไฟในพุทธศาสนา หรืออสูรพรหมในเรื่องรามเกียรติ์ (อสูรมูลาคนี, อังคุทพรหม และอนันตพรหม, ท้าวลัสเตียน, ท้าวมาลีวราช, ท้าวจัตุรพักตร์ ฯลฯ) หรือไม่ ?
๖ สฟิงซ์ที่เก่าแก่ที่สุดคือ อียิปต์ และ เชดุของบาบิโลเนีย น่าได้อิทธิทางโหราศาสตร์ในระหว่างการเคลื่อนที่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์ในกลุ่มดาวราศีสิงห์และกันย์ระหว่างท้ายเดือนสิงห์ ก้นสิงห์ ไปถึงต้นกันยาหัวนางเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ดีมีเทอร์ Demeter น่าจะมีความสัมพันธ์กัน
(ราศีกันย์อาจจะเป็น นางเทพแอสเตรีย Astraea ผู้เป็นเทพีแห่งความยุติธรรม หรือ เทพีดีมิเทอร์ Demeter ผู้เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ หรือบุตรีนางดีมิเทอร์ นางเทพเพอร์ซิโฟเน่ Persephone ตามแต่เลือกที่จะเชื่อ แต่มีเรื่องเล่าว่า เพอร์ซิโฟเน่ เป็นชายาของฮาเดสเจ้านรก ดังนั้นนางต้องไปอยู่กับสามีเป็นราชินีในนรกนานเป็นเวลา 4 เดือนใน 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ราศีกันย์ยังไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้าให้เห็น)
๗ ในเรื่องเล่าเกี่ยวกับพญามารอัสโมดิอุสยังมีการให้ชื่อนางพญามารตนอื่นว่าเป็นราชินีของราชาปีศาจแห่งตัณหา หรือว่าอัสโมดิอุสเกิดจากการสมรสระหว่าง เทวทูตชั้นเซราฟิม Seraphim ที่ตกสวรรค์กับ นางนามาห์ Naamah (ชายาของเทวทูตแห่งการทำลาย "ซามาเอล") บางตำนานก็เล่าว่าหลังจากที่ลิลิธแยกทางจากอาดัม นามาห์และลิลิธก็ไปเป็นชายาเทวทูตแห่งการทำลายซามาเอล (หรือซาตาน หรือลูซิเฟอร์ ฯ ) เพื่อเป็นมารดาของปีศาจทั้งมวล ซึ่งซามาเอล Samael คือเทวทูตแห่งการทำลาย รอทำลายโลกนี้ เมื่อถึงกาลที่มีแต่คนบาป และถึงวันพิพากษาโลก เป็นเหมือนพญามารในสวรรค์ หรือศิวปางรุทรบรรลัยกัปป์ มักถูกเข้าใจและเอาไปรวมกับพวกพญามาร อย่างซาตาน และลูซิเฟอร์ ฯ แต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ซามาเอลยังอยู่ในสวรรค์และทำงานให้พระเจ้าเป็นตัวแทนแห่งภัยธรรมชาติต่าง ๆ และความพิโรธของพระเจ้า ในขณะที่ซาตานและพญามารอื่น ๆ เป็นตัวแทนความโกรธและความชั่วร้ายของมนุษย์ ซึ่งความสับสนต่าง ๆ ที่มีต่อบุคคลวัตพวกนี้คงเกิดจากการที่มนุษย์แยกไม่ออกระหว่างภัยที่เกิดจากความชั่วร้ายของตนเองกับภัยที่เกิดจากธรรมชาติ มีอะไรก็โทษสิ่งที่มองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ไว้ก่อน
อย่างไรก็ดีนักวิชาการผู้ตัดสินว่า Samael เป็นตนเดียวกับซาตาน Satan ก็ถือว่าซามาเอลเป็นเทพตกสวรรค์เหมือนกัน Fallen Angel แต่นักปราชญ์ในอดีตบางท่านเช่นเซนต์เกรโกรี (Pope Gregory 1) เคยจัดให้ Samael อยู่อัครเสนาบดีทูตสวรรค์ทั้ง 7 (the seven archangels) ได้แก่ as อะนาเอล Anael, กาเบียล Gabriel, ไมเคิล Michael, โอริเฟิยล Oriphiel, ราฟาเอล Raphael, ซามาเอล Samael, and เซราเชียล Zerachiel แสดงว่ายังไม่ตกลงกระป๋องไปเต็มตัว
ภาพที่ 8 เปรียบเทียบอัสโมดิอุสกับเทพในอารยธรรมต่าง ๆ 1
ภาพที่ 9 เปรียบเทียบอัสโมดิอุสกับเทพในอารยธรรมต่าง ๆ 2
หมายเหตุ
๑ สฟิงซ์อียิปต์ซ์หน้าพีระมิด มักจะเป็นเพศชายไม่มีปีกเชื่อว่าเป็นใบหน้าองค์ฟาโรห์ สฟิงซ์ตามเสาในวิหารหรือพีระมิดอาจจะเป็นสตรีแล้วแต่การตกแต่งและมีปีก
๒ สฟิงซ์กรีกส่วนใหญ่มักเป็นเพศหญิง
๓ สฟิงซ์บาบิโลเนีย หรือ เซดุ ของบาบิโลเนีย เป็นครึ่งคนครึ่งสิงห์โต หรือวัวมีปีกบ้างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
๔ สัตว์ที่คล้ายสฟิงซ์ที่สุดของวรรณคดีอินเดียคือ แม่วัวสวรรค์ "กามเธนุ" Kamadhenu เพราะมีลักษณะอย่าง "กิมปุรุษี" คืออมนุษย์ กิมปุรุษะเพศหญิงในตำนานที่ตัวเป็นสัตว์หน้าเป็นคน
๕ สฟิงซ์ของบาบิโลเนีย คือเชดุ Shedu หรือลัมมัสซุ Lamassu เป็นต้นกำเนิด "เชรูบิม" เหล่าเทวทูต Cherubim ผู้เฝ้าสวนอีเดน (หน้าที่แรก) เหมือนสฟิงซ์ และสัตว์เทพพาหนะในศาสนาฮินดู มีความคล้ายกับ อัสโมดิอุส มากกว่าเทพชั้นเซราฟิม Seraphim แต่เชื่อว่า อัสโมดิอุส อาจจะพัฒนามาจากเทพอียิปต์ "อะเปเดมัก" Apedemak ปางที่มีเศียรเป็นสิงโตสามเศียร และกลายเป็น "อะหริมัน" Ahriman เทพแห่งความหลอกลวงและความโกรธ บริวารของเทพแห่งความมืด "อันครา ไมนยุ" Angra Mainyu เพราะทั้งสองมีปางที่เศียรเป็นสิงห์โตเช่นเดียวกัน ซึ่งความสับสนระหว่างคัมภีร์อะเวสตะที่เรียกพวกเทวดาว่า อะหุระ (อสุระ) เรียกปีศาจว่าเดียวะ (เทวะ) ส่วนคัมภีร์พระเวทเรียกพวกเทวดาว่า เทวะ (เดียวะ Daeva) และเรียกปีศาจว่า อสุระ (อะหุระ Ahura) จึงอาจจะทำใหั asha เทพไฟและแสงสว่างในอะเวสตะ กับเทพมาร Ahriman รวมบุคลิกภาพเข้าด้วยกันกลายเป็นอสูรแห่งไฟในพุทธศานามหายานก่อนส่งผ่านมาเป็น อาซูร่าแบบญี่ปุ่น ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพระอัคนีมากกว่า อสูรเขาควายของอินเดีย เพราะอินเดียแดนเหนือก็มีนิกายโซโรอัสเตอร์ทายาทของคัมภีร์อะเวสตะอยู่บ้างตั้งแต่สมัยพุทธกาลที่มีพวกชฎิลบูชาไฟไปถึงยุคสมัยของพระเจ้ากนีษกะมหากษัตริย์ชาวพุทธแห่งปากีสถาน ทำให้รับบุคลิกภาพเทพพวกอะหูรา (Ahura) ที่สับสนกับพระอัคนีของฮินดูมาเป็นอสูรไฟในพุทธศาสนา หรืออสูรพรหมในเรื่องรามเกียรติ์ (อสูรมูลาคนี, อังคุทพรหม และอนันตพรหม, ท้าวลัสเตียน, ท้าวมาลีวราช, ท้าวจัตุรพักตร์ ฯลฯ) หรือไม่ ?
๖ สฟิงซ์ที่เก่าแก่ที่สุดคือ อียิปต์ และ เชดุของบาบิโลเนีย น่าได้อิทธิทางโหราศาสตร์ในระหว่างการเคลื่อนที่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์ในกลุ่มดาวราศีสิงห์และกันย์ระหว่างท้ายเดือนสิงห์ ก้นสิงห์ ไปถึงต้นกันยาหัวนางเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ดีมีเทอร์ Demeter น่าจะมีความสัมพันธ์กัน
(ราศีกันย์อาจจะเป็น นางเทพแอสเตรีย Astraea ผู้เป็นเทพีแห่งความยุติธรรม หรือ เทพีดีมิเทอร์ Demeter ผู้เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ หรือบุตรีนางดีมิเทอร์ นางเทพเพอร์ซิโฟเน่ Persephone ตามแต่เลือกที่จะเชื่อ แต่มีเรื่องเล่าว่า เพอร์ซิโฟเน่ เป็นชายาของฮาเดสเจ้านรก ดังนั้นนางต้องไปอยู่กับสามีเป็นราชินีในนรกนานเป็นเวลา 4 เดือนใน 1 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ราศีกันย์ยังไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้าให้เห็น)
๗ ในเรื่องเล่าเกี่ยวกับพญามารอัสโมดิอุสยังมีการให้ชื่อนางพญามารตนอื่นว่าเป็นราชินีของราชาปีศาจแห่งตัณหา หรือว่าอัสโมดิอุสเกิดจากการสมรสระหว่าง เทวทูตชั้นเซราฟิม Seraphim ที่ตกสวรรค์กับ นางนามาห์ Naamah (ชายาของเทวทูตแห่งการทำลาย "ซามาเอล") บางตำนานก็เล่าว่าหลังจากที่ลิลิธแยกทางจากอาดัม นามาห์และลิลิธก็ไปเป็นชายาเทวทูตแห่งการทำลายซามาเอล (หรือซาตาน หรือลูซิเฟอร์ ฯ ) เพื่อเป็นมารดาของปีศาจทั้งมวล ซึ่งซามาเอล Samael คือเทวทูตแห่งการทำลาย รอทำลายโลกนี้ เมื่อถึงกาลที่มีแต่คนบาป และถึงวันพิพากษาโลก เป็นเหมือนพญามารในสวรรค์ หรือศิวปางรุทรบรรลัยกัปป์ มักถูกเข้าใจและเอาไปรวมกับพวกพญามาร อย่างซาตาน และลูซิเฟอร์ ฯ แต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ซามาเอลยังอยู่ในสวรรค์และทำงานให้พระเจ้าเป็นตัวแทนแห่งภัยธรรมชาติต่าง ๆ และความพิโรธของพระเจ้า ในขณะที่ซาตานและพญามารอื่น ๆ เป็นตัวแทนความโกรธและความชั่วร้ายของมนุษย์ ซึ่งความสับสนต่าง ๆ ที่มีต่อบุคคลวัตพวกนี้คงเกิดจากการที่มนุษย์แยกไม่ออกระหว่างภัยที่เกิดจากความชั่วร้ายของตนเองกับภัยที่เกิดจากธรรมชาติ มีอะไรก็โทษสิ่งที่มองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ไว้ก่อน
อย่างไรก็ดีนักวิชาการผู้ตัดสินว่า Samael เป็นตนเดียวกับซาตาน Satan ก็ถือว่าซามาเอลเป็นเทพตกสวรรค์เหมือนกัน Fallen Angel แต่นักปราชญ์ในอดีตบางท่านเช่นเซนต์เกรโกรี (Pope Gregory 1) เคยจัดให้ Samael อยู่อัครเสนาบดีทูตสวรรค์ทั้ง 7 (the seven archangels) ได้แก่ as อะนาเอล Anael, กาเบียล Gabriel, ไมเคิล Michael, โอริเฟิยล Oriphiel, ราฟาเอล Raphael, ซามาเอล Samael, and เซราเชียล Zerachiel แสดงว่ายังไม่ตกลงกระป๋องไปเต็มตัว
~Asmodeus in The tvseries, Supernatural 2017~
~Asmodeus in Shadowhunter TVseries 2018~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น