วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563

โลกศาสตร์ของชาวยุโรปเหนือและไวกิ้ง (Vikings and Norse cosmology)



กำเนิดจักรวาลจากน้ำแข็ง ไฟ และแม่โค


ในตำนานของชาวยุโรปเหนือหรือไวกิ้งที่นับถือศาสนาอาซาทรู (Asatru)  ได้กล่าวว่า จักรวาลว่างเปล่าจนเมื่อเวลาผ่านไปยาวนานนับไม่ถ้วนได้เกิดดินแดนแห่งน้ำแข็งคือนีเฟลเฮล์ม  และดินแดนแห่งไฟคือมูสเฟลเฮล์มขึ้นเอง และเมื่อเวลาผ่านไปยาวนานเปลวไฟแห่งมูสเฟลเฮล์มได้ตกไปกระทบก้อนน้ำแข็งในดินแดนนีเฟลเฮล์ม ทำให้แข็งละลายกลายเป็นแม่โคแห่งจักรวาล "โอดูมลา" แล้วแม่โคก็เลียน้ำแข็งกินทำให้เกิดอภิพญายักษ์ยีเมียร์ที่กินนมของแม่โคโอดูมลาเลี้ยงชีวิต และตัวของยักษ์ยีเมียร์เต็มไปด้วยเกร็ดน้ำแข็ง เมื่อแตกออกก็กลายเป็นพวกยักษ์รีเมรุ่นแรกจึงได้ถือกำเนิดขึ้น ต่อมาแม่โคโอดูมลาได้เลียน้ำแข็งก้อนสุดท้ายให้กำเนิดเทพตนแรกคือ บรรพเทพบูรีขึ้น

กำเนิดต้นไม้โลก


ต่อมาบรรพเทพบูรีก็แต่งงานกับนางยักษิณีคือ "เบสต์ลา" แล้วทั้งสองก็ช่วยกันปลูกต้นไม้โลกคือมหาพฤกษา "อิกก์ดราซิล" ซึ่งต่อมารากของมหาพฤกษาก็ยึดโยงโลกต่างๆ ทั้ง 9 เข้าไว้ด้วยกัน 

โลกทั้งเก้า

ต่อมาลูกหลานของเทพบูรีและเบสต์ลาซึ่งได้แก่เทพบิดรโอดีน จอมเทพโฮเนียร์ และจอมเทพโลเทอร์  กับพวกยักษ์รีเม และพญายักษ์ยีเมียร์ได้ทำสงครามรบกัน ผลการทำสงครามเหล่าเทพเป็นฝ่ายชนะและสามารถฆ่ายักษ์ยีเมียร์ได้ จึงใช้ร่างของยักษ์ยีเมียร์มาสร้างโลกให้มนุษย์อยู่ เส้นผมของยักษ์กลายเป็นต้นไม้ คิ้วกลายเป็นหญ้า เลือดกลายเป็นทะเลและสายน้ำ กระดูกกลายเป็นภูเขา และได้ชื่อว่า "มิดการ์ด" (มัธยมสถาน) เพราะเป็นดินแดนที่อยู่ตรงกลาง แล้วโอดินจึงได้สร้างมนุษย์จากต้นไม้ คือสร้างผู้ชายจากต้นแอช ให้ชื่อว่า "อัซก์" และสร้างผู้หญิงจากต้นเอล์มให้ชื่อว่า "เอมบลา" ทั้งสองเป็นเหมือนอาดัมและอีฟในศาสนาคริสต์ คือเป็นมนุษย์คู่แรกของโลก

ส่วนพวกยักษ์รีเมที่หนีรอดไปได้ ไปอาศัยอยู่ในดินแดนน้ำแข็งที่ชื่อว่า "อัทการ์ด" หรือบางครั้งก็เรียกว่า "โจทุนไฮม์" เมื่อมีลูกหลานเป็นยักษ์น้ำแข็งมากขึ้นก็บุกมาที่โลกมนุษย์ (มิดการ์ด) ดังนั้นโอดีนจึงนำกระดูกของพญายักษ์ยีเมียร์ที่หรือไปทำเป็นกำแพงขวางไว้ แต่ก็มียักษ์น้ำแข็งที่มีอำนาจมากสามาถข้ามมาได้

โอดีนต่อมาได้แต่งงานกับเทพมารดาฟริกก้า (Frigg) จึงสร้างแอสการ์ดไว้เป็นที่อาศัยของเหล่าเทพผู้คอยปกป้องมนุษย์ ซึ่งลูกหลานของโอดีน (โอดีนมีชายาหลายตนนอกจากฟริกก้า) ได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเทพโอดีนรบ สร้างโลก และทำสงครามวันสิ้นโลก เช่น ธอร์เทพสายฟ้า บาลเดอร์เทพแห่งความดีและแสงสว่าง เฟรยาเทพีแห่งความรัก เป็นต้น โดยมีสะพานสายรุ้งที่เรียกว่า บีฟรอสต์ เชื่อมระหว่างอัสการ์ดและโลก

หอขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า วัลฮัลลา เอาไว้สำหรับเป็นที่ชุมชุนเหล่าเทพและดวงวิญญาณวีรบุรุษทั้งหลาย โดยมีนางฟ้านักรบ วัลคีรี เป็นผู้ปกป้องดูแลและต้อนรับวิญญาณผู้กล้าทั้งหลาย

โลกทั้งเก้าในตำนาน

 ในตำนานกล่าวว่า มีดินแดนเทพทั้งหมด 9 ดินแดน แบ่งเป็นสามส่วน

1 ส่วนบน : มี 3

ดินแดนเทพแอสการ์ด (Asgard) - ที่อยู่ของเทพเอซีร์ (เทพที่เกิดจากโอดิน)
ดินแดนเทพวานาไฮล์ม (Vanahiem) - ที่อยู่ของเทพวานีร์ (เทพนอกเหนือออกไป ไม่มีเชื้อสายของโอดิน)
อัลฟ์ไฮล์ม (Alfheim) - ดินแดนเอลฟ์ เอลฟ์แห่งแสงสว่าง (มีเวทย์มนต์ เป็นเอลฟ์ชั้นสูง)

2 ส่วนกลาง : มี 4

ดินแดนมิดการ์ด (Midgard = Middle garden) - ที่อยู่อาศัยของมนุษย์
ดินแดนนิดาเวลลีร์ (Nidavellir) - ดินแดนของคนแคระ 
โยทุนไฮล์ม (Jotanheim) - ดินแดนแห่งยักษ์ 
สวาตัลฟ์ไฮล์ม (Svartalfheim) - ดินแดนของพวกเอลฟ์ดำและเอลฟ์ขาว

3 ส่วนล่าง : มี 2

เฮลไฮม (Helheim) - ดินแดนใต้พิภพ อาณาจักรแห่งความตาย(นรก) (ปกครองโดยเทวีแห่งความตาย เฮล)
นิฟเฟลไฮล์ม (Niflheim) - โลกแห่งความตาย





Refer to:  https://jennafowlerart.net/tag/heros-journey/

เปรียบเทพอียิปต์กับไวกิ้ง

No.
Egypt
Nose
Their roles
1.
Amun-Ra
Odin
มหาเทพสูงสุด
2.
Osiris
Baldur
เทพที่ดีแต่ถูกเทพมารฆ่า
3.
Isis (Osiris’s wife)
Frigg (Odin’s wife)
ราชินีแห่งปวงเทพ มีความรู้สูง
4.
Thoth (เทพ)
Dwarf (คนแคระ)
นายช่างของปวงเทพ
5.
Hather
Freya
เทพีแห่งความรัก
6.
Horus
Thor
จอมเทพนักรบปราบเทพมารได้
7.
Set
Loki
เทพมารแห่งความวุ่นวาย,สงคราม
8.
Gab
Ymir
พ่อธรณี, แผ่นดินโลก
9.
Sky cow
Audumbla “Cow”
แม่โคสวรรค์
10.
Anubis
Fenrir (giant wolf)
สุนัขเทพในนรก
11.
Apep
Jormungand (giant snake)
พญามารในรูปของงูยักษ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น