จิตวิเคราะห์ (psychoanalysis) เป็นชุดทฤษฎีและเทคนิคจิตวิทยาและจิตบำบัดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเดิมแพทย์ชาวออสเตรีย ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud 1856-1939) ทำให้แพร่หลายและบางส่วนกำเนิดจากงานด้านการรักษาของโยเซฟ บรอแยร์ (Josef Breuer) และอื่น ๆ นับแต่นั้น จิตวิเคราะห์ได้ขยายและมีการทบทวน ปฏิรูปและพัฒนาในทิศทางต่าง ๆ เดิมโดยผู้ร่วมงานและศิษย์ของฟรอยด์ เช่น อัลเฟรด อัดแลร์ (Alfred Adler 1870-1937) และคาร์ล กุสทัฟ ยุง (Carl Gustav Jung 1875-1961) ผู้พัฒนาความคิดของตนเองเป็นเอกเทศจากฟรอยด์ นักจิตวิทยาฟรอยด์ใหม่ (neo-Freudian) สมัยหลังมีเอริช ฟรอมม์ (Erich Fromm), คาเริน ฮอร์ไน (Karen Horney) , แฮร์รี สแทก (Harry Stack) ซัลลิแวน (Sullivan) และฌัค ลาคา (Jacques Lacan)
หลักพื้นฐานของจิตวิเคราะห์คือ
1) นอกเหนือไปจากองค์ประกอบบุคลิกภาพที่รับทอดมาแล้ว พัฒนาการของบุคคลกำหนดโดยเหตุการณ์ในวัยเด็กตอนต้น
2) เจตคติ จริตนิยม ประสบการณ์และความคิดของมนุษย์ได้รับอิทธิพลจากแรงขับไร้เหตุผลมาก
3) แรงขับไร้เหตุผลคือจิตไร้สำนึก (unconscious mind)
4) ความพยายามนำแรงขับเหล่านี้สู่ความตระหนักเผชิญการต่อต้านทางจิตในรูปกลไกป้องกันตน (Defence mechanism)
5) ความขัดแย้งระหว่างจิตสำนึกและจิตไร้สำนึกหรือการกดเก็บ ปัจจัยสามารถเกิดในรูปการรบกวนทางจิตหรืออารมณ์ได้ ตัวอย่างเช่น โรคประสาท (neurosis) ลักษณะประสาท ความวิตกกังวล (Anxiety) ภาวะซึมเศร้า (depression) เป็นต้น
6) การปลดปล่อยจากผลแห่งปัจจัยไร้สำนึกบรรลุผ่านการนำปัจจัยเหล่านี้สู่จิตสำนึก (เช่น โดยผ่านการชี้นำอย่างมีทักษะ คือ การรักษา)
1) สัญชาตญาน(id)คือ ตนที่อยู่ในจิตไร้สำนึกเป็นพลังที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มุ่งแสวงหา ความพึงพอใจ(pleasure seeking principles) และเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น โดยไม่คำนึงเหตุ ความถูกต้อง และความเหมาะสม ประกอบด้วยความต้องการทางเพศและความก้าวร้าวเป็นโครงสร้างเบื้องต้นของจิตใจ และเป็นพลังผลักดันให้ ego ทำในสิ่งต่างๆตามที่ id ต้องการ
2) อัตตา(ego)คือพลังแห่งการใช้หลักของเหตุผลและผลตามความเป็นจริง(reality principle)เป็นส่วนของความคิดและสติปัญญา ตนปัจจุบันจะอยู่ในโครงสร้างของจิตใจทั้ง 3 ระดับ
3) อภิอัตตา(superego)คือส่วนที่ควบคุมการแสดงออกของบุคคลในด้านของคุณธรรม ความดี ความชั่ว ความถูกผิด มโนธรรม จริยธรรมที่สร้างโดยจิตใต้สำนึกของบุคคลนั้นซึ่งเป็นผลที่ได้รับจากการเรียนรู้ในสังคมและวัฒนธรรมนั้นๆ
ในจิตวิเคราะห์ มีอย่างน้อย 22 ทฤษฎีเกี่ยวกับพัฒนาการทางจิตของมนุษย์ แนวทางสู่การรักษาหลายแนวทางที่เรียก "จิตวิเคราะห์" ก็มีหลากหลายเช่นเดียวกับทฤษฎี คำนี้ยังหมายถึง วิธีการวิเคราะห์พัฒนาการของเด็กอย่างหนึ่งด้วย
และได้แบ่งช่วงพัฒนาบุคลิกภาพในวัยเด็กออกเป็น 6 ขั้นสำคัญคือ
1) ขั้นปาก(oral stage) มีอายุอยู่ในช่วงแรกเกิดถึง 18 เดือนหรือวัยทารก ความพึงพอใจของวัยนี้จะอยู่ทีบริเวณช่องปาก ทารกพึงพอใจกับการใช้ปากทำกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เกิดความสุข เช่น การดูด กลืน กัด เคี้ยวแทะ กิน เช่น ส่วนใหญ่ทารกจะใช้ปากในการดูดนมแม่ นมขวด ดูดนิ้วมือหรือสิ่งของ ทารกจะพึงพอใจเมื่อความต้องการดังกล่าวได้รับการตอบสนองที่เหมาะสม
2) ขั้นปาก(oral stage) มีอายุอยู่ในช่วงแรกเกิดถึง 18 เดือนหรือวัยทารก ความพึงพอใจของวัยนี้จะอยู่ทีบริเวณช่องปาก ทารกพึงพอใจกับการใช้ปากทำกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เกิดความสุข เช่น การดูด กลืน กัด เคี้ยวแทะ กิน เช่น ส่วนใหญ่ทารกจะใช้ปากในการดูดนมแม่ นมขวด ดูดนิ้วมือหรือสิ่งของ ทารกจะพึงพอใจเมื่อความต้องการดังกล่าวได้รับการตอบสนองที่เหมาะสม
3) ขั้นทวารหนัก(anal stage) มีอายุอยู่ในช่วง 18 เดือน ถึง 3 ปี วัยนี้จะได้รับความพึงพอใจจากการขับถ่าย การที่พ่อแม่เข้มงวดในการฝึกหัดให้เด็กใช้กระโถนและการควบคุมให้ขับถ่ายเป็นเวลาตามความต้องการของพ่อแม่ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของเด็ก จะทำให้เกิดความขัดแย้งจนเป็น fixation ทำให้เกิดบุคลิกภาพที่เรียกว่า “Anal Personality”คือเป็นคนเจ้าระเบียบ เข้มงวด ไม่ยืดหยุ่น ตระหนี่ และมีอารมณ์เครียดตลอดเวลาเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ หรืออาจมีบุคลิกภาพตรงข้าม คือ อาจเป็นใจกว้างสุรุ่ยสุร่าย ไม่เป็นระเบียบ รกรุงรัง
4) ขั้นอวัยวะเพศ(phallic or oedipal stage)อายุอยู่ระหว่าง 3 ถึง 5 ปี ความพึงพอใจของเด็กวัยนี้อยู่ที่อวัยวะสืบพันธุ์ เด็กจะสนใจอวัยวะเพศของตนและแสดงออกด้วยการจับต้องลูบคลำอวัยวะเพศ สนใจความแตกต่างระหว่างเพศหญิงและชาย เด็กผู้ชายจะมีปมเอ็ดดิปุส(oedipus complex)ซึ่งเกิดจากการที่เด็กผู้ชายวัยนี้จะติดแม่ ต้องการเป็นเจ้าของแม่ผู้เดียว ขณะเดียวกันก็ทราบว่าแม่และพ่อรักกัน จึงพยายามเก็บกดความรู้สึกที่อยากเป็นเจ้าของแม่เพียงผู้เดียว และพยายามทำตัวเลียนแบบพ่อ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า”Resolusion of Oedipal Complex”ส่วนเด็กผู้หญิงจะมีปมอีเล็คตรา(electra complex)ซึ่งเกิดจากเด็กผู้หญิงมีความรักพ่อแต่รู้ว่าไม่สามารถแย่งพ่อจากแม่ได้จึง เลียนแบบแม่ คือ ถือแม่เป็นแบบฉบับพฤติกรรมของผู้หญิง ในขั้นนี้การยอมรับปรากฏการณ์ทางเพศของพ่อแม่ต่อเด็กวัยนี้เป็นเรื่องสำคัญ
5) ขั้นแฝงหรือขั้นพัก(latency stage) มีอายุอยู่ในช่วง 7 ถึง 14 ปี ฟรอยด์กล่าวว่าเด็กวัยนี้จะมุ่งความสนใจไปที่พัฒนาการด้านสังคมและด้านสติปํญญา เป็นวัยที่พร้อมจะเรียนรู้การมีเหตูผล รู้ผิดชอบชั่วดี สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว เรียนรู้ทีจะมีค่านิยม ทัศนคติ ต้องการเตรียมพร้อมที่ปรับตัวและเตรียมตัวเข้าสู้วัยผู้ใหญ่ต่อไป เด็กจะเก็บกดความต้องการทางเพศ จะเล่นหรือจับกลุ่มกับเพศเดียวกัน เริ่มมีเพื่อนสนิทกับเพศเดียวกัน สนใจบทบาททางเพศขอตน
6) ขั้นสนใจเพศตรงข้าม(genital stage) วัยนี้เป็นวัยรุ่นเริ่มตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป เด็กเริ่มสนใจเพศตรงข้าม มีแรงจูงใจที่จะรักผู้อื่น มีความต้องการทางเพศ ความเห็นแก่ตัวลดลง ต้องการเป็นอิสระจากพ่อแม่ เป็นระยะเริ่มต้นของวัยผู้ใหญ่ ต้องการความสนใจ การยอมรับจากการเตรียมตัวเป็นผู้ใหญ่
จิตวิทยาอปกติ Abnormal Psychology คือ จิตวิทยาที่ศึกษาพฤติกรรมอปกติ (Abnormal behavior) ของบุคคลซึ่งหมายถึงพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากเกณฑ์ปกติ 4 เกณฑ์ ได้แก่ สถิติ การปรับตัวและภัยอันตรายที่เกิดขึ้น ความผิดปกติของบุคลิกภาพ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม กล่าวคือ
1. พฤติกรรมอปกติตามเกณฑ์สถิติ คือ พฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากพฤติกรมที่เป็นปทัสถาน (Norm) ของบุคคลเป็นอย่างมาก เช่น เชาวน์ปัญญาต่ำหรือสูงมาก (ปัญญาอ่อนหรืออัจฉริยะ) เป็นต้น
2. พฤติกรรมอปกติตามเกณฑ์การปรับตัวและภัยอันตรายที่เกิดขึ้น คือพฤติกรรมที่ปรับตัวไม่ได้ ไม่สามารถพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ได้เท่าที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับตนเองหรือผู้อื่น จำต้องได้รับความช่วยเหลือ ดูแลอยู่เสมอ
3. พฤติกรรมอปกติตามเกณฑ์ความผิดปกติของบุคลิกภาพ คือพฤติกรรมที่แสดงถึงความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจ เช่น เจ็บป่วยเรื้อรัง วิตกกังวล หรือ กลัวอย่างรุนแรง เป็นต้น
4. พฤติกรรมอปกติตามเกณฑ์ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม คือพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของสังคม เช่น ไม่ใส่เสื้อผ้าเดินตามท้องถนน หรือยกเท้าวางบนโต๊ะทำงานขณะคุยกับผู้อื่น (คนไทย) เป็นต้น
กล่าวโดย สรุปพฤติกรรมอปกติ คือ ปรับตัวไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย เจ็บป่วยทางกายและจิตใจ ผิดแผลกไปจากขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของสังคม ตลอดจนเบี่ยงเบนไปจากพฤติกรรมที่เป็นปทัสถานของบุคคลโดยทั่วไป การพิจารณาว่าใครเป็นบุคคลอปกติหรือไม่ต้องพิจารณาครอบคลุมทั้ง 4 เกณฑ์ จะพิจารณาเพียงเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งหาได้ไม่ เช่น จะสรุปว่าบุคคลอัจฉริยะเป็นคนอปกติไม่ได้ จะต้องพิจารณาอีก 3 เกณฑ์ ประกอบด้วย หากเป็นไปตามเกณฑ์ทั้ง 4 จึงจะถือว่าเป็นคนอปกติ
สาเหตุของพฤติกรรมอปกติ
พฤติ กรรมอปกติอาจเกิดจากสาเหตุใหญ่ ๆ 3 สาเหตุ คือ สาเหตุทางชีววิทยาเกิดจากการทำหน้าที่ไม่ปกติของร่างกาย เช่น การทำงานของสมองหรืออวัยวะบางอย่างของร่ายกายไม่ปกติ อีกสาเหตุหนึ่งคือสาเหตุทางจิตวิทยา เกิดจากความรู้สึกนึกคิด หรือกระบวนการต่าง ๆ ทางจิต สาเหตุสุดท้ายคือสาเหตุทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม
บุคคลที่เป็นคนอปกติต้องได้รับ การดูแลช่วยเหลือและรักษา คนปกติก็ควรมีการป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นคนอปกติ ตลอดจนต้องได้รับการสนับสนุนให้เป็นคนปกติต่อไป
เพศทางเลือก (LGBT/ LGBTQ หรือ LGBTQA) คือ กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศที่แตกต่างไปจากคน ส่วนใหญ่ในสังคม สามารถจำแนกได้ดังนี้
Gay เกย์ คือผู้ชายที่ชอบผู้ชาย แต่บางคนก็กล่าวรวมว่าคือคนที่ชอบเพศเดียวกัน (homosexual)
Bisexual คนที่ชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง (สังเกตว่า Bi หมายถึง 2 นั่นเอง อาจจะร่วมถึง Pansexual ซึ่งหมายถึงบุคคลมีความสัมพันธ์ทางเพศได้กับเพศทางเลือกทุก ๆ กลุ่ม)
Transgender คนข้ามเพศ คือผู้หญิงที่มีจิตใจเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่มีจิตใจเป็นผู้หญิง เรียกสั้นๆ ว่าทรานส์ โดยพวกนี้มีมักมีการแต่งตัวเป็นเพศตรงข้ามให้เห็นอย่างชัดเจน Transvestism จนถึงขั้นไปผ่าตัดแปลงเพศบางส่วน She-man หรือทั้งหมดคือหญิงแปลงเพศเป็นชาย Transman (F2M/ Transsexual male)/หรือชายแปลงเพศเป็นหญิง Transwoman (M2F / Transsexual female)
Queer เควียร์เป็นการเรียกกว้างๆ หมายถึงกลุ่มคนที่ไม่ได้มีเพศตามขนบสังคมทั่วไป ไม่จำกัดกรอบ
Asexual/Aromantic มนุษย์ผู้ไม่สนใจในเรื่องเพศ หรือมีความสนใจเรื่องเพศน้อยมาก
Pansexual หมายถึงบุคคลมีความสัมพันธ์ทางเพศได้กับเพศทางเลือกทุก ๆ กลุ่ม
Pansexual หมายถึงบุคคลมีความสัมพันธ์ทางเพศได้กับเพศทางเลือกทุก ๆ กลุ่ม
1) homosexual รักร่วมเพศ ทางทฤษฎีจิตวิเคราะห์เชื่อว่า ปกติเราจะใช้คำว่า homo กับ ช ที่รัก ช ด้วยกัน สำหรับ ญ เราใช้คำว่า lesbian หรือสั้นว่า l.b. บุคคลประเภทนี้มีหลายยลักษณะ เช่น รักเพศเดียวกัน แต่สามารถแต่งงานกับเพศตรงข้ามได้ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ รุก รับ และทั้งสองแบบ ส่วนมากที่พบจะเป็นพวกที่ 3 สาเหตุ มีอยู่หลายประการ อาจเป็นเพราะความผิดปกติทางฮอร์โมน สิ่งแวดล้อมทางสังคม เช่น การบังเอิญเกิดไปมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันขึ้นมาแล้วติดใจ หรือ อยู่กับคนเพศเดียวกันมานาน เช่น ในคุก รร ประจำ เป็นต้น อีกสาเหตุที่สำคัญ คือการเลี้ยงดูของครอบครัว โดยทั่วไปมักพบว่า มารดาไม่มีความสุขในชีวิตสมรส หรือสนิทกับลูกชายเป็นพิเศษ พอเด็กโตขึ้นมา ก็เลยไม่อยากมีอะไรกับ ญ ซึ่งเป็นเพศเดียวกับมารดา (เช่นเดียวกับ l.b. ) เด็กชายบางคน อาจเกิดความรู้สึกกับมารดา ต่อมาเกิดความรู้สึกละอาย จึงหลีกเลี่ยงการมี xxx กับ ญ ทุกคน เพราะคิดว่าการไปมีอะไรกับ ญ อื่น เป็นการนอกใจมารดา
อีกประการคือ เด็กชายที่เกลียดเพศของตนเอง อยากเกิดเป็นเพศตรงข้าม คือ พ่ออาจรักแต่ลูกสาว ไม่สนใจตัวเอง หรือ พ่อเป็นคนเข้มงวด เจ้าระเบียบเกินไป ทำให้ลูกเกลียดพ่อ และเกลียดเพศตัวเองไปด้วย สิ่งที่ทำให้คนกลายเป็นพวกรักร่วมเพศได้มากที่สุด คือการเลี้ยงดูของครอบครัว ช่วงหนึ่งของชีวิตวัยเด็ก เรียกว่า ระยะโอดิปัส (oedipus period) คือ เด็กจะรักพ่อหรือแม่ซึ่งเป็นเพศตรงข้ามกับตน เลยทำให้เกิดความรู้สึกแข่งขัน แต่ความรู้สึกนี้จะทำให้เกิดความไม่สบายใจ กลัวว่า พ่อหรือแม่ซึ่งเป็นเพศเดียวกันกับตน จะลงโทษ หากเด็กไม่สามารถทำความเข้าใจได้ โตมาก็จะกลายเป็นพวกรักร่วมเพศ นอนจากนี้ ยังรวมไปถึง ค่านิยม ทัศนคติ ความเชื่อ ความเข้าใจผิดต่างๆ ทำให้คนกลัวที่จะมีอะไรกับฝ่ายตรงข้าม จึงหันมาสนใจพวกเพศเดียวกัน
2) Transvestism พวกแต่งกายเลียนแบบเพศตรงข้าม
ความ สุขของคนพวกนี้คือได้แต่งกายเลียนแบบเพศตรงข้าม สาเหตุมักมาจากการเลี้ยงดูสมัยเด็ก กรณีพ่อแม่อยากได้ลูกชาย แต่ลูกเกิดมาเป็นผู้หญิง เลยให้แต่งตัวเป็นเด็กชาย หรือ แต่งตัวลูกชายด้วยเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิง เป็นต้น บุคคลประเภทนี้สามารถแต่งงานและมีความสุขได้หากมีคู่สมรสที่เข้าใจ
3) Transsexual แปลงเพศ
คือพวกที่คิดว่าเพศของตนนั้นผิดมาแต่กำเนิด จึงมีการแปลงเพศ ตามวิธีทางการแพทย์ต่างๆ เช่นชายบางคนคิดว่า ตนนั้นควรเป็นหญิงก็ไปแปลงเพศ หลังจากแปลงเพศแล้วก็คิดว่าตนไม่เป็นหญิงจริงก็แปลงกับมาเป็นชายอีก สุดท้ายก็คิดว่าตนนั้นเป็นหญิงรักหญิงจึงกลับไปแปลงเพศเป็นหญิงอีกและหาคู่เป็นหญิง ก็มี
หมายเหตุ : ในอดีตเพศทางเลือกจัดว่าเป็นกามวิตถารอย่างหนึ่งแต่ปัจจุบันด้วยการต่อสู้ของกลุ่มเพศทางเลือก นักจิตวิทยาชาวอเมริกาและในบางประเทศที่ยึดถือหลักสิทธิมนุษยชาติและให้เสรีภาพกับประชาชนมากให้ถือว่าเป็นรสนิยมทางเพศ
กามวิตถาร ( กามวิปริต / เบียงเบนทางเพศ ก็ว่า Sexual Pervert /Abnormal sex /Paraphilia /Sexual perversion/ Sexual deviation) การประกอบกิจที่ผิดปรกติวิสัยในระหว่างการร่วมเพศ
1) Sadomasochism
เป็นความผิดปกติทางเพศชนิดหนึ่งที่บุคคลได้รับความสุขในทางเพศด้วยการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด หรือทำให้ตัวเองได้รับความเจ็บปวด แบ่งเป็น
ก)Sadism
เป็นพวกที่มีความสุขในการได้ทำร้ายคู่ของตัวเองให้เจ็บปวด ทั้งทางกายและจิตใจเสียก่อนที่จะ xxx สาเหตุที่ชอบความรุนแรงอาจมาจาก ถูกอบรมมาว่าเรื่อง xxx เป็น สิ่งน่ารังเกียจ สกปรก เป็นบาป ฯลฯ ดังนั้นจึงต้องหาทางปลดปล่อยความโกรธแค้น ที่ตนจะต้องมาทำบาป หรือทำสิ่งน่ารักเกียจ ด้วยการลงโทษคู่นอนแทนที่จะลงโทษตัวเอง บางคนอาจเป็นเพราะว่าตัวเองมีความเกลียดชัง พ่อ แม่ ตั้งแต่เด็กๆ และมีบางคนที่ชอบความรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุอีกด้วย
ข)Masochism
ที่เรียกกันว่ามาโซฯ นั่นแหล่ะ เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับข้อ 1 คือ ต้องการได้รับการทรมาน หรือโดนทารุณ ก่อนที่จะ xxx นัก จิตวิทยาบางคนบอกว่าการที่คนเหล่านี้ ยอมถูกทารุณกรรมจากคู่นอน อาจมิใช่เพราะต้องการ แต่ที่ยอมก็เพราะต้องการเอาใจฝ่ายตรงข้าม เกรงว่าตนจะถูกทอดทิ้ง ทั้งสองประเภทแรก แม้ฟังดูแล้วอาจเหมือนเป็นสิ่งทารุณโหดร้าย แต่พวกมาโซฯ และซาดิส ปกติจะไม่จงใจทำร้ายผู้อื่น หรือ ได้รับการทารุณจนเกิดอันตรายต่อตัวเอง มีส่วนน้อยที่จงใจทำร้ายผู้อื่นซึ่งเป็นสาเหตุมาจากอาการทางจิตอปกติอื่นๆประกอบด้วย
2) Exhibitionism พวกชอบโชว์ของลับ
พวก นี้จะมีความสุขที่ได้โชว์อาวุธลับของตนแก่อีกฝ่าย ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชาย คนที่ชอบทำเช่นนี้ สาเหตุอาจมาจากอาจถูกกดดัน หรือเข้มงวดจากทางบ้านให้อยู่ในระเบียบวินัยมากเกินไป คนพวกนี้ถ้าได้แต่งงานก็จะไม่มีความสุข เพราะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับคู่นอนได้ นอกจากนั้น อาจจะไม่สนใจที่จะร่วมหลับนอนกับคู่ของตัวเองด้วย แต่คนพวกนี้ไม่ค่อยเป็นอันตรายต่อใคร เพราะชอบที่จะอวดอวัยวะของตนเท่านั้น ไม่สนใจทำอย่างอื่น
3) Voyeurism ชอบถ้ำมอง
คนพวกนี้มีพฤติกรรมผิดปกติ ชอบแอบดูเวลาผู้อื่นทำ xxx แม้ แต่ชอบแอบดูคนแก้ผ้า อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะทำแล้วจะมีความสุข ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชาย สาเหตุอาจมาจากเมื่อสมัยเด็กเคยแอบเห็นพ่อกับแม่มีอะไรกัน หรือเห็นพี่สาวพี่ชายเปลือยกายอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า บุคคลกลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายกับพวกชอบโชว์ แต่ตรงข้ามกันคือ ชอบแอบดูคนอื่น
4) Incest พระยาเทครัวการมี XXX กับบุคคลในเครือญาติ สมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นสายเลือดของตน เช่น พ่อกับลูกสาว แม่กับลูกชาย อากับหลาน หรือระหว่างพี่กับน้องเป็นต้น
คนประเภทนี้ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีความผิดปกติทางจิตใจ ไม่ I.Q. ก็คนที่ติดสุรา นอกจากชอบมีอะไรกับเด็กแล้ว อาจล่อลวงให้เด็กไปเป็นโสเภณีอีกด้วย พวกนี้มักมีความเชื่อในเรื่องของพรมจรรย์ ชอบดูถูกเพศ ญ อยากมีอะไรกับ ญ บริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งเป็นเด็กวัย 11-12 บางคนอาจมีความเชื่อว่าการมีอะไรกับเด็ก หรือสาวบริสุทธิ์ จะทำให้อายุยืน สำหรับเด็กที่เป็นเหยื่อไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ มักเป็นเด็กที่มีปัญหาทางบ้าน เช่น พ่อแม่เลิกกัน หรือเป็นเด็กที่มีปัญหาทางจิต พวกขี้กลัว ตกใจง่าย ต้องการผู้ให้ความคุ้มครอง ความอบอุ่น ฯลฯ
หมายถึงการที่มี xxx กับคนอายุมากกว่ามากๆจนผิดปกติ อาจจะเกิดจากปมจิตใต้สำนึกที่ยึดติดบิดาและมารดามากเกินไป
7) Bestiality หรือ Zoophilia คือพวกชอบ xxx กับสัตว์คน ประเภทนี้เป็นพวกขี้กลัว กลัวว่าตนจะมีเพศสัมพันธ์ที่ล้มเหลว หรืออาจเป็นสภาพทางจิต ที่เกลียดเพศตรงข้าม และกำหนดให้สัตว์เป็นเหมือนอีกฝ่ายในการร่วมเพศ พฤติกรรมนี้เกิดได้ทั้ง ช และญ
พวก นี้มักเป็นคนมีจิตใจอ่อนแอ แต่ต้องการแสดงออกมาในทางตรงกันข้ามว่าตนเองเป็นคนมีอำนาจ บุคคลประเภทนี้อันตรายมาก เพราะอาจต้องสังหารคู่นอนเสียก่อนแล้วจึงมีอะไรด้วยภายหลัง
คน พวกนี้ชอบสะสมสิ่งของเครื่องใช้ของเพศตรงข้าม เช่นเสื้อผ้า ชุดชั้นใน รองเท้า ฯลฯ สาเหตุอาจมาจากไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายตรงข้ามได้ เลยหันมาสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งของแทน
พวกนี้ถึงกับดื่มกินเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งปฏิกูลเหล่านั้นจะต้องติดอยู่ตามร่างกายของคู่นอนเท่านั้นจึงจะทำได้
สำหรับ ญ โดยเฉพาะ คือ เมื่อเวลามีความต้องการจะต้องหาวิธีเพื่อให้ได้มาซึ่งการตอบสนอง บางครั้งสามารถมีอะไรกับ ช ได้หลายคน หลายครั้งติดต่อกัน สาเหตุอาจมาจากต้องการชดเชยความต้องการทางเพศของตน ซึ่งได้รับไม่เพียงพอเมื่อตอนที่เป็นวัยรุ่น หรือต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดทางจิต หรือสำหรับ ช อาจกลัวว่าตนจะเป็นพวกกามตายด้าน รวมทั้งสมัยเด็กมีความเกลียดชังบิดา เลยต้องการแก้แค้นเพศตรงข้าม เป็นพฤติกรรมของคนที่มีสภาวะไม่ได้รับความรักที่สมบูรณ์ หรือมีความผิดปกติทางร่างกาย
12) มีเพศสัมพันธ์หลายๆคน
ก) Swinger การแลกเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ
ข) Troilism มี xxx ด้วยกันพร้อมกันสามคน
ค) Group Sex หรือ Gang-Bang (slang) มี xxx ด้วยกันพร้อมกันมากว่าสามคนขึ้นไป
ง) Gang rape มี xxx ด้วยกันพร้อมกันมากว่าสามคนขึ้นไป ด้วยการข่มขืนซึ่งถือว่าผิดกฎหมายและหลักมนุษยธรรมด้วย
ก) Swinger การแลกเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ
ข) Troilism มี xxx ด้วยกันพร้อมกันสามคน
ค) Group Sex หรือ Gang-Bang (slang) มี xxx ด้วยกันพร้อมกันมากว่าสามคนขึ้นไป
ง) Gang rape มี xxx ด้วยกันพร้อมกันมากว่าสามคนขึ้นไป ด้วยการข่มขืนซึ่งถือว่าผิดกฎหมายและหลักมนุษยธรรมด้วย
https://youtu.be/FSILgaVnPgc
ตอบลบhttps://youtu.be/Yt4YnqlNVpY
ตอบลบhttps://youtu.be/WTduo97ORt8
ตอบลบhttps://youtu.be/qO0Tzfg62AU
ตอบลบhttps://youtu.be/xOextKF8EhA
ตอบลบhttps://www.youtube.com/watch?v=HGVtLkwKLkM
ตอบลบhttps://youtu.be/sm-RhHkv7FA
ตอบลบhttps://youtu.be/bHpSMDXnL6k
ตอบลบhttps://youtu.be/P0pTbz1XO-k
ตอบลบhttps://youtu.be/GckNXDpOG_s
ตอบลบแก้ไขชื่อค่ะ สุทธิสา วงเวียน
ลบhttps://youtu.be/TjGw7br8i5c
ตอบลบ