วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

โศกนาฎกรรมแห่งรักของนางโบตั๋น "พีโอนี" และเจ้าหญิงกุหลาบ "โรดันเต้"

ดอกกุหลาบ

ตำนานกำเนิดกุหลาบ

กุหลาบเป็นราชินีแห่งดอกไม้ที่มีตำนานต่าง ๆ มานับพันปี ตำนานกุหลาบของชาวโรมันก็มีหลายตำนาน 

ตำนานแรกเล่าว่ากุหลาบนั้นคือเจ้าหญิงรูปงาม "โรดันเต" (Rhodanthe) ที่ถูกยกย่องว่ามีความงามเหนือมนุษย์ทำให้ประชาชนของพระองค์ และเจ้าชายต่าง ๆ คลั่งไคล้ในความงามของนางถึงขนาดนำรูปปั้นเทพีไดอาน่า (หรือเทพีแห่งจันทร์อาเทมิส) ออกไปจากวิหาร และให้ทำการเชิญเจ้าหญิงขึ้นแทนบูชาในฐานะของเทพธิดาองค์ใหม่ของเมือง ทำให้สุริยเทพอพอลโลโกรธแทนน้องสาวของตนเองจึงสาปให้เจ้าหญิงกลายเป็นดอกกุหลาบ บริวารที่บูชาพระองค์กลายเป็นหนาม และเหล่าเจ้าชาย และกษัตริย์ที่หลงรักพระองค์กลายเป็นผีเสื้อ ผึ้ง และแมลงภู่

ตำนานที่สองเล่าว่า "โรดันเต้" (Rhodanthe) คือนางไม้ที่สวยงามมากทำให้ถูกเจ้าชายและกษัตริย์ต่าง ๆ ไล่จับ จนนางต้องวิ่งหนีกลัวถูกแฟนคลับรุมโทรม ระหว่างที่นางวิ่งหนีนางได้ขอพรและขอร้องเทพีแห่งจันทร์ไดอาน่าให้ช่วยเหลือ ดังนั้นไดอาน่าจึงเปลี่ยนนางไม้ที่สวยงามให้กลายเป็นดอกกุหลาบ เพื่อที่เธอจะได้หลบหนีเหล่าชายที่ไล่ตามเธอมาด้วยความรัก 

ซึ่งการที่ดอกกุหลาบมีหนามว่าครั้งหนึ่งกามเทพหรือคิวปิดยังถูกผึ้งต่อยขณะมีดอกกุหลาบอยู่ใกล้ ๆ จึงโกรธและสาปให้ดอกกุหลาบมีหนาม 

ตำนานที่สามเล่าว่า มีนางไม้ตนหนึ่งไม่มีชื่อ (Wood nymph) ที่เป็นที่รักของเทพีแห่งมวลดอกไม้ (Flora) ตายไม่รู้ใครฆ่า เทพีโฟลร่าจึงขอให้เทพเจ้าทั้งหลายชุบชีวิตให้นางจนกลายเป็นดอกไม้ และเทพีแห่งความรักวีนัสจึงตั้งชื่อให้ว่า โรส (Rose) 

ตำนานที่สี่ นิยมมากสุดว่าวันหนึ่งชู้รักเทพีวีนัส (Venus ดาวพระศุกร์) ที่เป็นบุรุษที่หล่อที่สุดในโลกคืออะโดนีส (Adonis) ถูกเทพแอริส (Ares) แห่งสงครามหรือพระอังคาร  (Mars) ชู้รักคนเก่าของเทพีวีนัสและพ่อของคิวปิสปลอมเป็นหมู่ป่ามาลอบฆ่าระหว่างที่อะโดนีสกำลังไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่า ชายชู้ที่ตนรักมากตายทำให้วีนัสเปลี่ยนศพของอะโดนีสให้กลายเป็นต้นกุหลาบ แต่บางตำนานก็ว่าน้ำตาของนางวีนัสไหลไปรวมกับเลือดของอะโดนีสจนเกิดเป็นต้นกุหลาบ แต่ที่ดอกกุหลายมีสีแดงสดเพราะหนามกุหลาบได้แทงลงบนผิวของวีนัสทำให้เลือดของวีนัสทำให้ดอกกุหลาบเป็นสีแดง ฯลฯ

ตำนานที่ห้า เทพแห่งสายลม "เซฟีร" (Zephyr เซฟีรัส เซฟีรอส หรือ ฟาโวเนียส Favonius) หลงรักเทพีแห่งมวลดอกไม้โฟลร่าจึงแปลงเป็นดอกกุหลาบเพื่อให้นางจุมพิต แล้วเทพทั้งสองก็ได้แต่งงานกันมีลูกเป็นเทพแห่งผลไม้

ตำนานที่หก ดอกกุหลาบป่าเกิดจากลมหายใจทางปากของเทพีแห่งมวลดอกไม้โฟลร่า Flora

As she talks, her lips breathe spring roses: I was Chloris, who am now called Flora.



ตำนานที่เจ็ด กำเนิดกุหลาบแห่งเปอร์เซีย เชื่อแต่เดิมพระเจ้าได้สร้างดอกบัวให้เป็นราชินีแห่งดอกไม้สำหรับเวลากลางวัน และสร้างดอกกุหลาบให้เป็นราชินีแห่งดอกไม้สำหรับกลางคืนในสวรรค์ ทำให้นกไนติงเกลที่หลงรักในความงามและความหอมของดอกกุหลาบมากไปจึงโอบกอดดอกกุหลาบทำให้อกของมันถูกหนามแหลมของดอกกุหลาบแทงไปถึงหัวใจจนตาย แล้วเลือดของมันก็ทำให้เกิดดอกกุหลาบสีแดง

Nightingale and Rose in European tale

ตำนานที่แปด นิทานตุรกี (นิทานเตอรกี ก็ว่า) เจ้าหญิงกุหลาบงาม เป็นลูกสาวของธิดากษัตริย์ที่แต่งงานกับคนตัดฟืนจึงถูกไล่ออกนอกวัง เธอมีน้ำตาเป็นไข่มุก และเมื่อยิ้มดอกกุหลาบทั้งหลายจะบาน จึงได้ชื่อว่าเจ้าหญิงกุหลาบงามอาศัยในบ้านกลางป่าอย่างคนยากจน วันหนึ่งเจ้าชายฝันเห็นนางหลงรักและพยายามตามหานางเพื่อแต่งงาน เมื่อพบกันก็แต่งกับนาง แต่นางข้าหลวงคนหนึ่งได้แอบจับนางมาทรมานขณะที่เจ้าชายไม่อยู่ เพื่อให้เจ้าชายแต่งงานกับลูกสาวของนางที่คล้ายกับเจ้าหญิงกุหลาบงาม นางข้าหลวงจับนางมาทรมานและควักตาเจ้าหญิงกุหลาบงาม แล้วเอาไปทิ้งไว้บนเขา ทำให้นางร้องไห้เป็นไข่มุกออกมาจากเบ้าตาที่มองไม่เห็น จนพบกับชายแก่เก็บขยะคนหนึ่งที่ได้มาช่วยเหลือเธอ วันหนึ่งเจ้าหญิงกุหลาบงามยิ้มชายแก่จึงเอาดอกกุหลาบที่เกิดขึ้นจากการยิ้มของนางไปขอแลกกับดวงตาของนางจากนางข้าหลวง ซึ่งต้องการดอกกุหลาบไปให้ลูกสาวของนางแสดงเป็นเจ้าหญิงกุหลาบงามในฝันของเจ้าชาย (แต่เป็นฤดูที่ตุรกีจะไม่มีดอกกุหลาบ) จึงยอมแลกแล้วเจ้าหญิงกุหลาบงามก็มองเห็นเหมือนเดิม แต่ต่อมานางข้าหลวงก็ฆ่าเจ้าหญิงกุหลาบงามได้ ด้วยการให้ทหารไปฆ่ากวางในป่าตัวหนึ่งแล้วเอาหัวใจของกวางมาให้ลูกสาวตนที่เป็นชายาของเจ้าชายเวลานั้นกิน (กล่องดวงใจ?) ซึ่งก็ทำให้ลูกสาวนางข้าหลวงตายเช่นกัน ต่อมาไม่นานที่หลุมศพของเจ้าหญิงกุหลาบงามก็มีดอกกุหลาบที่เป็นลูกสาวของนางงอกออกมา (วันหนึ่งนางฟ้าได้นำหินวิเศษมาให้เจ้าชายแล้วเล่าเรื่องให้ฟังให้เจ้าชายเอาหินวิเศษไปใส่ปากของศพเจ้าหญิงกุหลาบงาม แล้วเจ้าหญิงกุหลาบงามก็คืนชีพขึ้นมาพร้อมกับบุตรี แล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันอย่างมีความสุข) 

💔💔💔💔💔💔💔💔💔


ดอกโบตั๋น


ตำนานกำเนิดดอกพีโอนี (ดอกโบตั๋น)
นางไม้ชื่อพีโอเนีย Paeonia นั้นสวยงามและดึงดูดความสนใจของอะพอลโลพระสุริยเทพซึ่งเริ่มจีบเธอ แต่เมื่อนางพีโอเนีย Paeonia รู้ว่าวีนัส (อะโพรไดต์ Aphrodite ก็ว่า) เทพีแห่งความรักกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่ เธอก็มีสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงสด กลายเป็นคนขี้อายและเล่นตัวจนเกินงาม ด้วยความหมั่นไส้และรำคาญ วีนัสจึงสาปนางไม้ให้กลายเป็นดอกโบตั๋นสีแดง นี่คือเหตุที่ทำให้ดอกโบตั๋นมาเป็นสัญลักษณ์ของความอาย

แต่บางตำนานก็ว่านางไม้พีโอเนียเป็นที่หลงรักของเทพเจ้า และกษัตริย์ทั้งหลายในสามโลกเป็นที่ริษยาของเทพีแห่งมวลดอกไม้โฟลร่า (Flora) จึงสาปให้นางกลายเป็นดอกโบตั๋นที่มีพันกลีบ

บางตำนานว่าดอกโบตั๋นเกิดจากไพอัน (Paean) เป็นศิษย์คนหนึ่งของเอสเคลปิอัส เทพเจ้าแห่งการแพทย์ของกรีกโบราณ ต่อมาเอสเคลปิอัสอิจฉาลูกศิษย์ของตน เทพเซอุสช่วยไพอันให้พ้นภัยโดยสาปให้กลายร่างเป็นดอกโบตั๋น ฯลฯ


สรุป

1) ตำนานกำเนิดกุหลาบและโบตั๋นของยุโรป กรีก โรมัน เปอร์เซีย ฯลฯ ที่เป็นโศกนาฎกรรมอาจจะเป็นแนวในการแต่งตำนานกุหลาบไทยให้เป็นแนวโศกนาฎกรรม และตำนานกำเนิดกุหลาบ และดอกโบตั๋นของกรีกและโรมันนั้นคล้าย ๆ กันอาจจะสับสนแล้วเล่าสับกันได้ เช่น ศพนางไม้ที่เทพีแห่งมวลดอกไม้โฟลร่าสาปให้เป็นกุหลาบเพราะความรัก กับนางพีโอเนีย ที่เทพีโฟลร่าสาปให้กลายเป็นดอกโบตั๋น อาจจะสับเรื่องกันได้ ส่วนการที่เทพสุริยเทพอะพอลโลสาปให้นางโรดันเต้กลายเป็นดอกกุหลาบ ก็อาจจะเป็นที่มาของอนุภาคที่จอมเทพสุเทษณ์สาปนางมัทนาให้กลายเป็นกุหลาบ

2) คำว่า nymph ส่วนใหญ่แปลว่า นางอัปสรเพราะเป็นเทพีที่รักษาแม่น้ำแต่ถ้าเป็น wood nymph/woodland nymph โบราณาจารย์มักแปลว่า นางไม้ ซึ่งใกล้เคียงที่สุดแล้ว แต่ก็พบว่าตำนานกำเนิดกุหลาบหลายสำนวนใช้ว่า นางกินรี ซึ่งไม่ถูกต้องนัก แล้วก็คัดลอกต่อกันไปผิดทั่วบ้านทั่วเมือง

3) แต่เดิมคนไทยไม่ค่อยรู้จักดอกโบตั๋นนัก ในเรื่องสามก๊กฉบับพระยาพระคลัง (หน) จึงใช้ดอกพุดตาน (Confederate rose) แทนดอกโบตั๋น (peony)

Peony flower in European tale

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น