ระหว่าง the mummy กับ Wonder woman เรื่องไหนน่าดูกว่ากัน
หนังWonder woman อิงและเปลี่ยนตำนานใหม่ เพราะตำนานแปลงได้บางเรื่องแต่ก็กลมกลืนเข้ากับตำนานและประวัติศาสตร์
ส่วน Mummy อิงตำนานและประวัติศาสตร์แต่ย้อนแย้งกับประวัติศาสตร์และตำนานอย่างชัดเจน เข้าใจว่าจะเป็นเรื่องสร้างใหม่เอามันแบบหนังผีดิบซอมบี้สไตล์ฝรั่ง จึงไม่ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์นัก แต่ก็ลืมเรื่องสำคัญไปว่า
สิ่งที่ทำให้ The Mummy เป็นรอง
1.ราชวงศ์อียิปต์สมรสกันในเครือญาติ อันมีที่มาจากประเพณีนิยมดังเรื่องราวของเทพเจ้าอียิปต์ในตำนาน
แต่การที่เปิดเรื่องว่าตัวร้ายอดีตเป็นเจ้าหญิงอียิปต์แล้วแค้นที่พ่อ มีลูกชายแล้วตนเป็นสตรีจะไม่ได้ครองราชย์นั้นประหลาด***** เพราะตอนครองราชย์ก็ต้องแต่งกันในสายเลือดและหาคนเป็นฟาโรห์หุ่นเชิดอยู่แล้ว
นอกจากฟาโรห์หนุ่มจะไปชอบสาวอื่น (ซึ่งอาจจะเป็นน้องสาวหรือญาติสาวที่อายุน้อยกว่า) เพราะตนแก่ จึงเป็นสาเหตุที่ต้องฆ่า เพื่อรักษาอำนาจก็อีกเรื่องหนึ่งดังเช่นพระนางคลีโอพัสตรา ในประวัติศาสตร์เคยครองบัลลังก์ร่วมพระบิดา ต่อมากสมรสกับน้องชายคือ ทอเลมีที่ 13 และ 14 (ในระหว่างที่เป็นคนรักของซีซาร์ด้วย) เมื่อมีบุตรชายกับซีซาร์ ทอเลมีที่ 14 ก็ตายปริศนา และคลีโอพัสตราก็ตั้งบุตรชายเป็นฟาโรห์
อาจจะมองว่านางแสวงหาอำนาจ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งทุก ๆ คน (ยกเว้นพระบิดา และบุตร) สมรสกับนางเพื่ออำนาจเช่นกันเพราะการสืบเชื้อสายของราชวงศ์ทอเลมี เหมือนสภาพสังคมของกษัตริย์โบราณโดยเฉพาะในสังคมเกษตรกรรม ซึ่งสืบเชื้อสายเน้นที่ทางฝ่ายพระราชมารดามากกว่าพระบิดา
เมื่อชายที่เข้ามาใช้ชีวิตของพระคลีโอพัตรา เพื่อแย่งอำนาจกัน การที่นางจะเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อความอยู่รอดก็คงเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อคนในยุคปัจจุบันในสังคมที่บุรุษมีอำนาจและกดขี่สตรีมองประวัติศาสตร์กลับไปจากค่านิยมที่บุรุษสูงส่งกว่าสตรี ดังเช่นความคิดของจีนและไทยที่มองว่าสตรีที่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นสตรีไม่ดี อย่างปรัชญาขงจือที่ว่า "สตรีไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง"
พระนางคลีโอพัตราจึงถูกโทษว่าเป็นสาเหตุแห่งภัยพิบัติทั้งปวงเสียเอง ในขณะที่ซีซาร์ และคู่สมรสอื่นที่แย่งอำนาจกัน.... บางคนได้รับความเห็นใจว่าเป็นเหยื่อในความงามของพระนาง และบางคนกลายเป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ ส่วนพระนางกลายเป็นนางมารร้ายที่นำภัยพิบัติมาสู่บ้านเมืองของตนเอง ทั้งที่พระนางคลีโอพัตราก็มีคุณความดีในการปกครองอียิปต์ในด้านอื่น ๆ แต่ก็ถูกมองข้ามไป บางครั้งการมองประวัติศาสตร์โดยใช้ประสบการณ์ในโลกปัจจุบันกันก็ถือเป็นการมโนขึ้นด้วยอคติของตนเองทั้งสิ้น เพราะประวัติศาสตร์แต่ก่อนเขียนด้วยมือของบุรุษไม่ใช่สตรี
และที่สำคัญความคิดของคนสร้างหนังยังจำกัดอยู่แค่ค่านิยมในประวัติศาสตร์ยุคกลางของยุโรป ที่ผู้ชายเป็นใหญ่ (เนื่องจากคนสร้างมีพวกทีมงานเป็นฝรั่งส่วนใหญ่ .../หรือคนฝรั่งจะสร้างบทบาทของราชินีผีมัมมี่มาจากด้านมืดของพระนางคลีโอพัตรา แต่เอามาแบบหยาบ ๆ ตามนิยมฝรั่งไม่คำนึงถึงความเชื่อมโยงกับตำนานและประวัติศาสตร์มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นผลผลิตสำเร็จรูปจากการมองประวัติเหยียดเพศแม่ สูตรอเมริกันดังกล่าวไปแล้ว)
2. ใส่ความคิดของฝรั่งอเมริกันไปในหนังแบบเดิม ๆ เช่น ความคิดเรื่องการแต่งงานระหว่างพี่น้องเป็นบาป ในราชวงศ์น่าจะได้อิทธิพลจากศาสนาคริสต์มากกว่า ส่วนการฆ่าทารกเพื่อบูชาปีศาจอาจจะมีก่อนศาสนาคริสต์ แต่ความเชื่อเรื่องการฆ่าทารก หรือบุคคลในครอบครัวเพื่อบูชาปีศาจเข้มข้นที่สุดในความเชื่อเรื่องปีศาจและซาตานในนวนิยายและภาพยนตร์สยองขวัญของอเมริกัน ที่เป็นเพียง plot เรื่องเก่าเล่าใหม่
The mummy โครงเรื่องจึงไม่สมจริง สู้เรื่องสาวน้อยมหัศจรรย์หรือ Wonder woman ไม่ได้ แต่ก็ดูได้เอามันตามสไตล์คนที่ไม่รู้เทววิทยาและประวัติศาสตร์มากนัก
สรุป โครงเรื่อง The Mummy ดี..แต่โม้ไม่สมจริง โครงเรื่อง Wonder woman ดี..และโม้ได้ไหลเลื่อนมากกว่า ส่วนเรื่องความมัน ก็แล้วแต่คนชอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น