วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เอาไวยาร : ความงามที่แท้จริงจากภายใน




เอาไวยาร เป็นภาพยนตร์ที่อิงประวัติศาสตร์ของบุคคลในตำนานซึ่งเล่าว่า


มีฤาษีและนางอัปสรคู่หนึ่งต้องแยกจากกัน เพราะฤาษีต้องกลับไปบำเพ็ญตบะในสิทธาโลก ส่วนนางอัปสรต้องกลับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปรับใช้พระอินทร์ แต่เนื่องจากทั้งสองมีลูกสาวด้วยกันแล้วจึงตัดสินใจเอาลูกสาวที่เป็นทารกไปทิ้ง ในขณะที่ทั้งสองยังลังเลไม่กล้าทิ้งลูกสาวของตนอากาศวาณี (เสียงคำทำนายจากสวรรค์) ก็ประกาศว่าเด็กสาวเป็นผู้มีบุญ และจะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตแน่นอน ทั้งสองจึงได้ทิ้งลูกสาวไว้ในป่า แล้วเทวดาก็บันดาลให้ตะกร้าใส่เด็กลอยน้ำไปจนมีพราหมณ์สามีภรรยาผู้ร่ำรวยแต่ไม่มีลูกเก็บได้ ทั้งสองจึงรักและเลี้ยงดูทารกหญิงนั้นไว้เป็นลูกของตนเอง

หลายปีผ่านไปเด็กสาวเติบโตขึ้นในหมู่บ้านของพ่อแม่บุญธรรม เธอฝักใฝ่การบูชาพระคเณศ และชีวิตเช่นสันยาสี ที่ต้องสละการครอง ถือบวชเป็นพรหมจรรย์มาตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งพ่อแม่บุญธรรมก็ไม่คิดว่าเธอจะถือเป็นจริงจังเพราะในสมัยนั้นเธอยังเด็ก แต่เมื่อเธอเติบโตขึ้นกลายเป็นสาวงามที่ทุกคนหมายปอง และถึงวัยที่ควรจะแต่งงาน แต่เธอกลับไม่อยากแต่งงานเหมือนสตรีอื่น เมื่อถูกบังคับ เธอจึงขอพรพระคเณศให้เธอแก่และกลายเป็นหญิงชราทันที เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่ปรารถนาของชายใด และจะได้ไม่ต้องแต่งงานถือเพศพรหมจรรย์

พ่อแม่บุญธรรมของเธอตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก แต่สุดท้ายก็เข้าใจในความแนวแน่ของเธอ และสุดท้ายเอาไวยารก็ลาจากหมู่บ้านของพ่อแม่บุญธรรมแสวงบุญไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมาย ในระหว่างนั้นเธอได้แต่งสุภาษิตสอนใจที่มีค่าให้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิตที่เข้าใจง่ายเพื่อสงเสริมคุณธรรมสำหรับชาวทมิฬ บางครั้งเพื่อเธอได้รับการตอนรับที่ดีจากชาวนาเธอก็ตอบแทนพวกเขาด้วยบทกวีไพเราะอันศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับให้พรอันเป็นสิริมงคลกับพวกเขา

ครึ่งหนึ่งมีเจ้าหญิงสองคน กำลังโดนศัตรูที่ฆ่าพระบิดาตามล่า และขู่ว่าจะฆ่าชายทุกคนที่จะแต่งงานกับเธอ เอาไวยารจึงไปขอร้องกษัตริย์ที่เคยเป็นพันธมิตรกับพระบิดาของพวกเธอ แต่พวกเขากลัวเกินไปที่จะมาช่วย เอาไวยารเพียงลำพังจึงไปขวางทางข้าศึกของเจ้าหญิง และด้วยความช่วยเหลือของพระคเณศที่ส่งทัพช้างมาช่วยพาชายคนรักกลับมาให้เจ้าหญิงทั้งสอง ข้าศึกของเจ้าหญิงจึงแตกพ่ายไป แล้วเจ้าหญิงทั้งสองจึงได้แต่งงานกับชายคนรัก

ต่อมามีเรื่องเล่าว่ากษัตริย์โจฬะที่ยิ่งใหญ่คือ อติยะมาน ได้รับมะขามป้อมวิเศษที่กินแล้วจะทำให้อายุยืนยาวตลอดไปจากเทวดามา แต่พระองค์กลับไม่กินเพราะคิดว่าถ้าพระองค์อายุยืนก็ยังประโยชน์ให้ชาวโลกน้อยกว่า คุณยายเอาไวยาร พระองค์จึงขอร้องให้คุณยายเอาไวยารกินผลไม้วิเศษเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์

ด้วยเหตุนี้เอาไวยารจึงอายุยืน และแต่งสุภาษิตที่มีค่าสอนใจมนุษย์ไว้มากมายหลายยุคหลายสมัย (บางคนก็สันนิษฐานว่า เอาไวยารอาจจะไม่ได้มีคนเดียวเป็นชื่อตำแหน่ง กวีสตรีในราชสำนัก เหมือนศรีปราชญ์ของไทย ก่อนที่ต่อมาจะกลายเป็นชื่อบทประพันธ์ชนิดหนึ่ง)

อย่างไรก็ดีวันหนึ่งเอาไวยารพบเด็กชายคนหนึ่งบนต้นไม้ และเด็กชายบนต้นไม้ได้ถามคำถามเชิงปรัชญาเกี่ยวกับความร้อนและเย็นของผลไม้ที่เอาไวยารตอบไม่ได้ เอาไวยารจึงรู้ว่าเด็กชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจึงขอใก้เด็กชายแสดงตน แล้วเด็กชายก็แสดงตนว่าแท้จริงคือพระสกันธกุมารแปลงมาเพื่อบอกเอาไวยารว่าได้เวลาที่เอาไวยารจะบรรลุโมกษะและไปยังเทวโลกแล้ว เอาไวยารจึงได้ละโลกนี้และเดินทางไปสวรรค์

โดยบางครั้งเมื่อพระสกันธกุมาร และพระคเณศขัดแย้งกัน คุณยายเอาไวยารก็จะปรากฏกายมาไกล่เกลี่ยให้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ปรากฏว่าที่จริงเอาไวยารผู้นั่นคืออวตารของพระอุมาเทวี


(ความจริงเกี่ยวกับชีวิตเป็นสากล แต่มุมมองและการอธิบายแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น และศาสนา)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น