วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โลกและจักรวาลในไตรภูมิ ๒ (Secret lands in the world)


§  ทวีปทั้ง ๔
โลกมนุษย์ หรือ มนุษยภูมิ เป็นที่อาศัยของสัตว์ทั้งหลาย ทั้งสัตว์ผู้มีใจสูง และสัตว์ต่าง ๆ ผู้กล้าหาญที่จะประกอบกรรมต่างๆ ทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม แบ่งเป็น ๒ จำพวก และ ๔ จำพวกย่อย คือ
ก) พวกไปมืด
ผู้มามืดแล้วไปมืด บุคคลที่เกิดมาจน จึงประพฤติชั่ว  เมื่อตายไปไม่มีคนระลึกถึง หรือมีแต่คนสาปแช่ง
ผู้มาสว่างแล้วไปมืด เป็นบุคคลที่เกิดมารวย แต่กลับทำแต่ความชั่ว เมื่อตายไปมีแต่คนสาปแช่ง
      ข) พวกไปสว่าง
ผู้มามืดแล้วไปสว่าง บุคคลที่เกิดมาจน แต่กลับทำแต่ความดี เมื่อตายไปผู้คนต่างสรรเสริญ
ผู้มาสว่างแล้วไปสว่าง เป็นบุคคลที่เกิดมารวย และทำแต่ความดี เมื่อตายไปมีแต่คนรักและคิดถึง
คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่ามนุษย์ภูมิแบ่งออกเป็นสี่ทวีป ได้แก่
๑.ชมพูทวีป 
๒. อุตตรกุรุทวีป
๓. บุพพวิเทหะ
๔.อมรโคยาน
ซึ่งทวีปที่สำคัญในวรรณคดีไทยได้แก่


ก)      ชมพูทวีป (ดินแดนของผลลูกหว้า)

โดยชมพูทวีปเป็นทวีปที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะมาจุติเป็นพระพุทธเจ้า ปัจจุบันคือประเทศอินเดีย แต่นักวิชาการบางคน ก็ว่าชมพูทวีปก็คือมนุษย์โลก เพราะสมัยหลัง ๆ ตำราทางพระพุทธศาสนาเขียนขึ้นโดยพระภิกษุชาวพม่า พระภิกษุชาวเหนือของประเทศไทย และพระภิกษุจากประเทศอื่น ๆ และก็ว่าประเทศของตนคือชมพูทวีปบ้าง ทำให้ในปัจจุบันชาวไทยก็เริ่มเข้าใจว่าเมืองไทยคือชมพูทวีปเช่นกัน เพราะคนไทยรักพระพุทธเจ้ามาก และอยากให้พระพุทธเจ้าเกิดในเมืองไทย จึงไม่สนใจความเป็นจริงเรื่องประวัติศาสตร์
และต่อมาเมื่อพบว่าในตำราทางพุทธศาสนาเรียกดินแดนทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศอินเดียว่า “สุวรรณภูมิ” (ดินแดนแห่งทองคำ) ที่ดูดีกว่า ดังนั้นประเทศต่าง ๆ ที่พุทธศาสนาแพร่หลายไปถึงก็จึงเรียกดินแดนของตนว่า “สุวรรณภูมิ” กันบ้าง


ข)      อุตตรกุรุทวีป (พื้นที่ทางตอนเหนือ)

            เนื่องจากการพรรณนาเกี่ยวกับดินแดนในทวีปต่าง ๆ โดยเฉพาะในอุตตรกุรุทวีป นั้นจะมหัศจรรย์เช่นเดี่ยวกับเรื่องอาริสในแดนมหัศจรรย์ จึงทำให้เชื่อได้ยากว่าทวีปอื่น ๆ นั้นนอกจากชมพูทวีปเป็นดินแดนที่มีอยู่จริง เหมือนกับการที่ชาวตะวันตกออกเดินทางมาสู่ดินแดนตะวันออกครั้งแรก พบเห็นสิ่งแปลกใหม่ในโลกตะวันออก พอกลับไปเล่าเรื่องต่าง ๆ ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ เช่น มาโคโปโลที่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า
            ดินแดนอุตตรกุรุทวีปนั้นเป็นดินแดนของผู้มีบุญ ที่กลางทวีปจะมีต้นกัลปพฤกษ์ที่สามารถบันดาลสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค และทรัพย์สิน ฯลฯ ให้กับทุกคน ๆ คนในอุตตรกุรุทวีปเมื่ออยากได้อะไรก็ไปอธิษฐานขอจากต้นไม้วิเศษนั้น ปัจจุบันมีผู้เปรียบเทียบต้นกัลปพฤกษ์ว่าเหมือนระบบสวัสดิการสังคมที่ดีของประเทศที่เจริญแล้วในปัจจุบัน
เชื่อกันว่าคนในอุตตรกุรุทวีปมีหน้าตาสวยงามมาก เมื่อมีพระมหาจักรพรรดิเกิดขึ้นในชมพูทวีป สตรีที่ดีพร้อมทุกอย่างคือ “นางแก้ว” จะเหาะมาจากอุตตรกุรุทวีปเพื่อเป็นพระมเหสีขอพระมหาจักรพรรดิ แต่เมื่อพระมหาจักรพรรดินั้นสวรรคต นางแก้วนั้นก็จะเหาะกลับไปอุตตรกุรุทวีปตามเดิม เพราะคนในอุตตระกุรุทวีปจะมีอายุที่ยืนกว่าคนในชมพูทวีป

§  ทะเลสีทันดร
เป็นทะเลที่ขวางกันระหว่างโลกมนุษย์กับป่าหิมพานต์และเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางจักรวาล และเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ว่ากันว่าทะเลสีทันดร หรือ มหานทีสีทันดร นี้กว้างใหญ่และไกลมาก ขนาดพระยาครุฑซึ่งเป็นนกที่มีฤทธิ์และกำลังมากจะบินข้ามฝั่งไปแต่ละครั้ง ก็หมดแรงไปเลยที่เรียกว่า “สุดแรงปีกครุฑ”
แต่ในเรื่อง “กากี” พระยาครุฑ ก็อุตสาหะบินไปกลับ เพื่อมาลักพานางกากีพระชายาของพระเจ้าพิมพิสาร ไปซ่อนไว้ที่วิมานฉิมพลีของตนเองที่อยู่บนต้นงิ้วที่ตีนเขาพระสุเมรุ และด้วยแรงแห่งตัณหาพระยาครุฑก็สามารถอุ้มนางกากีบินข้ามทะเลสีทันดรที่กว้างไกลข้ามไปได้ยากนั้นไปได้
ทำให้ทะเลสีทันดร หรือมหานทีสีทันดรถูกเปรียบกับห้วงแห่งตัณหา ความอยาก และความทุกข์ของมนุษย์ในวรรณกรรมไทยสมัยหลังบางเรื่องเช่นเรื่อง “ข้ามสีทันดร” ที่ตัวละครเอกในเรื่องจะต้องผจญกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต และยาเสพติด

§  สระอโนดาต
สระอโนดาต หนึ่งในเจ็ดสระในป่าหิมพานต์ เชื่อกันว่าน้ำในสระอโนดาตนั้นใสสะอาดมาก ทำให้สระอโนดาตกลายเป็นที่เล่นน้ำสำราญใจ ของอมนุษย์ทั้งหลายที่มีรูปลักษณ์งดงามดั่งเทวดานางฟ้า โดยเฉพาะพวกนางกินนรีทั้ง ๑๒ ตน มักจะออกจากเมืองกินนรของพวกตน มาเพื่อเล่นน้ำที่สะอโนดาต ทุก ๆ เจ็ดวัน
วันหนึ่งพรานป่าผู้ชื่อบุญที่เป็นคนของพระสุธนมาเที่ยวป่าหิมพานต์และพบเห็นนางกินนรี ที่สวยงามเหมือนนางฟ้า จึงต้องการจับไปถวายพระสุธน นางกินนรีพวกนี้มีความไวมากไม่สามารถจับได้ง่าย ๆ ดังนั้นพรานบุญจึงไปขอยืมบ่วงนาคบาศ ที่เป็นบ่วงวิเศษมาจากพระยานาคที่เป็นเพื่อนของตนมา จึงสามารถจับนางมโนห์รา ซึ่งเป็นนางกินนรีน้องสุดท้อง ในพี่น้องทั้ง ๑๒ ตนได้ แล้วนำนางมโนห์รามาถวายให้เป็นชายาของพระสุธน

§  ป่าหิมพานต์
คนไทยหลายคนยังเข้าใจว่าสัตว์ในป่าหิมพานต์นั้นเป็นสัตว์ที่มีเฉพาะในนิทานเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์ที่มีอยู่จริง แต่ตามความเป็นจริงแล้ว สัตว์ในป่าหิมพานต์ก็คือภูมิปัญญาโบราณของคนไทย เกี่ยวกับความรู้เรื่อง    สัตววิทยาของคนไทยในสมัยโบราณ ที่ครอบคลุมทั้งสัตว์ต่าง ๆ ในตำนานทั้งหลายระดับสากลโลก และสัตว์ต่าง ๆ ที่มีอยู่จริง ซึ่งคนไทยทั่วไปไม่มีโอกาสพบเห็น ดังนั้นนายช่างผู้ชาญฉลาดชาวไทยในสมัยโบราณจึงสืบสร้างสัตว์เหล่านี้ไว้เป็นงานศิลป์ ลายไทยเพื่อให้คนไทยรุ่นลูกหลานได้รู้จัก
โดยที่สัตว์ป่าหิมพานต์เหล่านี้อาจจะรวบรวมความรู้มาจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ เช่น ตำราต่าง ๆ ทั้งของพุทธและพราหมณ์ นอกจากนี้ยังอาจจะมาจากการเปิดโลกทัศน์รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านการติดต่อค้าค้าแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับอารยประเทศในสมัยโบราณของชาวไทย
ดังนั้นสัตว์ป่าหิมพานต์จึงอาจจะแบ่งเป็น ๔ กลุ่มใหญ่จากที่มา เช่น
๑ สัตว์ที่มีอยู่จริง
ส่วนหนึ่งสัตว์ต่างประเทศที่ไม่มีในเมืองไทย ทำให้คนไทยเข้าใจผิดว่าเป็นสัตว์ในตำนานเท่านั้น  เพราะไม่เคยพบเห็นสัตว์ดังกล่าวในเมืองไทย และไม่เข้าใจเรื่ององค์ประกอบศิลป์ ในการประดิษฐ์ความงดงามของลายไทย เช่น
๑.๑ เหรา 

ภาพ เหรา
ภาพ มังกรโกโมโด ( Komodo dragon; ชื่อวิทยาศาสตร์: Varanus komodoensis)
ที่มา http://getdrawings.com/komodo-dragon-drawing




๑.๒ วารีกุญชร (ช้างน้ำ hippopotamus)



ภาพ วารีกุญชร

ภาพ ช้างน้ำ (walrus)


๑.๓ ม้าสินธพนที


ภาพ สินธพนที

ภาพ ม้ามาร์วารี



ม้าอินเดียพันธุ์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นม้าดี วิ่งเร็วมาก เรียกว่า ม้ามาวารี Mawari  หรือ Malari horse คำว่า มาวารี ออกเสียงคล้ายคำว่า “วารี” ที่แปลว่า “น้ำ” ในภาษาไทย อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นม้าอยู่ในน้ำ ส่วนคำว่าสินธพ มาจากสินธุ ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญสายหนึ่งในอินเดีย

๑.๔ นกอินทรี



ภาพ นกอินทรี (ลายไทย)



ภาพ นกอินทรี (ลายเส้นฝรั่ง)
ที่มา https://favpng.com/


๑.๕ นกเทศ (นกกระจอกเทศ ostrich)


ภาพ นกเทศ


ภาพ นกกระจอกเทศ

๑.๖ หงส์ไทย

ภาพ หงส์ (ลายไทย)
ที่มา http://www.himmapan.com/




ภาพ หงส์อินเดีย

๑.๗ หงส์จีน

ภาพ หงส์จีน
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ นกยุงอินเดีย

๑.๘ สิงห์ (สิงโตอินเดีย)
ภาพ สิงห์ (ลายไทย)
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ สิงโตอินเดียเพศผู้
(Indian lion , Leo Persica or Asiatic lion)


๑.๙ สิงโตจีน (สิงโตแอฟริกา African lion)
ภาพ สิงโตจีน
ที่มา www.Himmapan.com

สิงโตแอฟริกาเพศผู้ African lion

ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Asiatic_lion

                ๑.๑๐ พยัคฆ์ไกสร
ภาพ พยัคฆ์ไกสร
ที่มา www.Himmapan.com



ภาพ ไทกอน
(Tigon, สัตว์ลูกผสมที่มีพ่อเป็นเสือ 
และมีแม่เป็นสิงโต)



ภาพ ไลเกอร์ (Liger สัตว์ลูกผสมที่มีพ่อเป็นสิงโต และมีแม่เป็นเสือ)


๑.๑๑ ระมาด หรือแรด Rhinoceros

ภาพ ระมาด
ที่มา www.Himmapan.com


ภาพ แรด

๑.๑๒ คีมี (หมา ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ Tibetan Mastiff)

ภาพ คีมี
ที่มา www.Himmapan.com



ภาพ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์

๑.๑๓ มัจฉวาฬ หรือปลาวาฬ
ภาพ มัจฉวาฬ
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ Moby dick
ที่มา https://grandsunsetgiliair.com/5-books-about-the-ocean-that-need-to-be-in-your-beach-bag/

๑.๑๔ ศฤงคมัสยา หรือปลาฉนาก


ภาพ ศฤงคมัสยา
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ Naso annulatus or whitemargin unicornfish

   
นาร์วาฬ (อังกฤษ: Narwhal; ชื่อวิทยาศาสตร์: Monodon monoceros)
๑.๑๕ นางเงือก (Mermaid) or siren


ภาพ นางเงือก (ลายไทย)
ที่มา www.Himmapan.com



ภาพ ปลาพะยูน Sea cow
ที่มา https://seacow.social/about



ภาพ พระอภัยมณี กับนางเงือก


ภาพ little mermaid


๑.๑๖ นกการเวก



ภาพ ตรานกการเวก ของกระทรวงการคลังไทย
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/นกการเวก_(เทพปกรณัม)



ภาพ นกปักษาสวรรค์ หรือการเวก
(The bird of paradise from Indonesia)
ที่มา https://th.wikipedia.org/


๒ สัตว์ที่มาจากตำนานจีน
๒.๑ มังกรจีน (Chinese dragon)

รูป มังกรคาบแก้ว ของโบราณคดีสโมสร
สมัย ร. ๕

รูป มังกรศิลปะจีน

๒.๒ กิเลน


ม้านิลมังกร หรือกิเลนไทย
ที่มา www.Himmapan.com

กิเลนปีก
ที่มา www.Himmapan.com

๒.๓ สัตว์ครึ่งมังกรจีน (ลูกมังกร)

มังกรสกุณี
ที่มา www.Himmapan.com

มังกรวิหค
ที่มา www.Himmapan.com



สีหรามังกร  (สัตว์ครึ่งมังกรครึ่งสิงโตอินเดีย)
ที่มา www.Himmapan.com

โต
ที่มา www.Himmapan.com

๒.๔ สัตว์ครึ่งสิงโตจีน

โตเทพอัสดร
ที่มา www.Himmapan.com

งายไส
ที่มา www.Himmapan.com


๓. สัตว์ที่มาจากเทพนิยายตะวันตกและอียิปต์
๓.๑ อรหัน Thai headed human bird

ภาพ นกอรหัน
https://th.wikipedia.org/wiki/อรหัน

ภาพ Alkonost
(A Russian and Slavic version of the siren)
ที่มา http://www.urbanthreads.com/
productImages/regularSize/UT๑๐๖๒๗f.jpg


ภาพจิงโจ้ โยสำเนา (เขียนเป็นรูปตัวอรหันสมัย ร.๓)
ที่มา http://sarakadee.com/
๑๐๘/๑๐๘thai/index.htm

Egyptian Ba – bird
ที่มา http://www.egy-king.blogspot.com

จิงโจ้เอย
มาโย้สำเภา
หมาไล่เห่า
จิงโจ้ตกน้ำ
หมาไล่ซ้ำ
จิงโจ้ดำหนี.
ได้กล้วยสองหวี.
ทำขวัญจิงโจ้
โห่ฮิ้วๆ

๓.๒ กุมภีนิมิต (Sobek the crocodile god)

ภาพ กุมภีนิมิต
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ เทพ Sobek of Egypt
ที่มา http://publicdomainvectors.org/
es/vectoriales-gratuitas/Dibujo-vectorial-de-Sobek/๑๐๗๗๒.html

๓.๓ ม้าปีก หรือ ดุรงค์ปักษิณ (Pegasus of Greek tales)

ภาพดุรงค์ปักษิณ
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ ม้าบิน “เปกาซัส
ที่มา www.Himmapan.com

๓.๔ ไกสรปักษา (กรีฟฟิน Griffin)



ภาพไกสรปักษา
ที่มา www.Himmapan.com


ภาพ กรีฟฟิน
ที่มา https://commons.wikimedia.org/
wiki/File:Griffin_(PSF).png

๓.๕ กบิลปักษา (ลิงมีปีก )




ภาพ กบิลปักษา
ที่มา www.Himmapan.com


ลิงมีปีกในเรื่อง ของ  W. W. Denslow in L. Frank Baum, The Wonderful Wizard of Oz, ๑๙๐๐
ที่มา https://en.wikipedia.org/
wiki/Winged_monkeys

๔ สัตว์ที่มาจากตำนานของอินเดีย
๔.๑ สัตว์ป่าหิมพานที่มาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
 พระยาแร้งสะดายุ และสัมพาที


พระยาแร้งสะดายุ
ที่มา www.Himmapan.com



พระยาแร้ง สัมพาที
ที่มา www.Himmapan.com




Indian vultures
ที่มา http://www.supercoloring.com/pages/white-rumped-vulture
มัจฉานุ

ภาพ มัจฉานุ
ที่มา www.Himmapan.com
 มารีศ

ภาพ มารีศ
ที่มา www.Himmapan.com

ภาพ Cernunnos the golden king stag
and the Celtic god of hunter
ที่มา www.mogenfinalexam.
blogspot.com%f๒๐๑๓%๒f๐๒%๒f
cernunnos.html/


อสูรวายุภักษ์

ภาพ อสูรวายุภักษ์
ที่มา www.Himmapan.com

eagle dance of Indian in U.S.A.
ที่มา http://www.picstopin.com/
๔๘๗/drawing-of-eagle-by-dr-deborah-watson/
http:%C%Cdeborahwatsonmd*com
%Cimages%Cart-eagle-hires*jpg/

ช้างเอราวัณ

ภาพ ช้าเอราวัณ arhan in thai art
ที่มา www.Himmapan.com

คชสีห์

ที่มา http://www.thaigoodview.com/
node/๓๗๙๓๒?page=๐%๒C

India Yali or Vyala or Vidala

๔.๒ สัตว์ป่าหิมพานต์ที่ได้อิทธิพลจากวรรณกรรมพุทธศาสนา
 นกหัสดีลิงค์

ภาพ นกหัสดีลิงค์
ที่มา www.Himmapan.com

มักกะลีผล หรือนารีผล


ภาพ นารี หรือมักกะลีผล
ที่มา www.Himmapan.com

รูป นารีผล หรือมักกะลีผล
ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/
viewtopic.php?f=๑๗&t=๒๓๑๖๒&start=๑๕


Vak vak or waq waq tree of Islamic Mythology
ที่มา http://jcb.lunaimaging.com/luna/servlet/detail/
JCB~๑~๑~๒๐๗~๒๓๐๓๓๑:-The-vak-vak-tree-


เหรินเซินกว่อ (人参果Ginseng fruit
ที่มา http://www.๒๘lu.com/
se/๑๔๕๒๕๒๕๐๙.html


๔.๓ สัตว์ที่มาจากนิทานปุราณของอินเดีย
กรินทร์ปักษา

ภาพ กรินทร์ปักษา
ที่มา www.Himmapan.com

The Indian winged elephant
ที่มา theverlookpress.blogspot.com

๔.๔ สัตว์ป่าหิมพานต์ที่ได้อิทธิพลจากวรรณคดีนารายณ์สิบปาง
นรสิงห์

เทพนรสิงห์
ที่มา www.Himmapan.com

อัปสรสีหะ
ที่มา www.Himmapan.com



ภาพ leonine man
Ancient Mesopotamia
ที่มา http://enenuru.proboards.com/thread/๓๖๑

แน่นอนว่าสัตว์ในป่าหิมพานต์นั้นหลายชนิดอาจจะมีต้นกำเนิดจริง ๆ มาจากจินตนาการอันล้ำลึกของมนุษย์แต่เมื่อนานวันไปนายช่าง หรือศิลปินนักวาดภาพในรุ่นหลัง ๆ ไม่เคยเห็นก็เลยวาดสัตว์นั้นออกมาโดยเทียบกับสัตว์ที่มีอยู่จริงในโลกนี้ ดังเช่นรูปหงส์ของจีน ในชั้นหลังสมัยราชวงศ์ชิง ดูอย่างไงก็รู้ว่าเอารูปนกยูงหรือไก่ฟ้ามาวาดแทนที่ ซึ่งบางครั้งก็ผสมกันหัวเป็นไก่ฟ้าตัวเป็นนกยูงก็มี
ส่วนของไทยเองก็เอารูปนกการเวกที่มีอยู่จริง (the bird of paradise) มาวาดแทนเป็นรูปนกวายุภักษ์ ซึ่งแต่เดิมน่าจะเป็นนกคนละตัวในวรรณคดี แต่ปัจจุบันเมื่อเอารูปมาวาดแทนกันได้ นกการเวกกับนกวายุภักษ์จึงได้กลายเป็นนกชนิดเดียวกันในวรรณคดีไทย
อนึ่งผู้เขียนมองว่า สัตว์ต่าง ๆ ในป่าหิมพานต์ของไทยนั้นมีที่มาที่ไป เป็นภูมิปัญญาและองค์ความรู้ของไทยโบราณโดยแท้จริง แต่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมั่ว ๆ จากจินตาการไร้แก่นสารเลื่อนลอยของนายช่างเขียนเท่านั้น แต่น่าจะเกิดขึ้นจากอัจฉริยภาพทางศิลปะ และการค้นคว้าหาความรู้ที่เกี่ยวกับโบราณวิทยาของไทยมาแต่สมัยโบราณ
ดังเช่นท่านอาจารย์ศิลป์พีระศรี (บรมครูแห่งงานศิลปะสมัยใหม่ของไทย) สมัยก่อนจะปั้นรูปของย่าโม ผู้เป็นบรรพชนที่ชาวโคราชเคารพศรัทธา เมื่อไม่มีรูปของย่าโมในสมัยนั้นเลย ก็ต้องไปสืบหาเกี่ยวกับรูปพรรณสัญฐานของสตรีโคราชแท้ ๆ ก่อน ภายหลังจึงปั้นรูปของย่าโมขึ้นโดยอาศัยอัจฉริยภาพทางงานศิลปะของท่านอาจารย์ ซึ่งไม่ได้นั่งเทียนปั้นขึ้นเองตามใจชอบแน่นอน

หมายเหตุ : แต่เดิมคำว่า “วายุภักษ์” ในภาษาสันสกฤตหมายถึง งูชนิดหนึ่ง กับนักบวชที่ฝึกโยคะชนิดหนึ่งกินแต่ลม (เหมือนนางสวาหะของไทย) ครั้งหนึ่งนักบวชพวกนี้ถูกอสูรร้ายรบกวนจึงขอให้ศรีรามในเรื่องรามายณะส่งคนไปช่วย ต่างจากเรื่องรามเกียรติ์ว่าเป็น “อสูรวายุภักษ์” ที่จริงน่าจะเป็นอสูร(โจรป่า) ที่มารบกวนพวกนักบวชวายุภักษ์มากกว่า

§  เขาพระสุเมรุ
เขาพระสุเมรุ เป็นถือเป็นแกนกลางของจักรวาลเป็นที่ตั้งของสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น เลยขึ้นไปก็เป็นพรหมโลก มีความสำคัญต่อความเชื่อและศิลปกรรมไทย และเขมรมาแต่ครั้งโบราณ เพราะสถาปัตยกรรมไทยโบราณไม่ว่าจะเป็นการสร้างวัดหรือวัง ก็เลียนแบบลักษณะของเขาพระสุเมรุที่เป็นศูนย์กลางจักรวาลเป็นหลัก มีมหาปราสาทและก็หมู่ปราสาท พระตำนักชั้นรองล้อมรอบ ๗ ชั้นแทนหมู่เขาสัตตบริภัณฑ์ทั้ง ๗ เป็นเสมือนกำแพงแก้วเจ็ดชั้นที่ปกป้องภูเขาพระสุเมรุ ที่พระอาทิตย์และพระจันทร์จะต้องทำการโคจรทักษิณาวรรต ทุกครั้งที่เคลื่อนที่ผ่าน
เขาพระสุเมรุมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมและประเพณีไทยมาก แม้แต่เมื่อมีการตายก็จะมีคนนำศพไปเผาศพ ที่คนไทยเรียกว่า “เมรุ” (อ่าน เมน) ซึ่งย่อมาจาก “สุเมรุ” เพื่อหวังในวิญญาณคนตายไปสู่สวรรค์ แม้ราชวงศ์ชั้นสูง ก็เรียกที่เผาศพของพระประยูรญาติว่า พระเมรุ โดยจะสร้างเป็นปราสาทสวยงามสูงใหญ่ และมีการตกแต่งด้วยสัตว์ต่าง ที่มีในป่าหิมพานต์ เพื่อจำลองปราสาทนั้นให้คล้ายคลึงกับเขาพระสุเมรุ ให้มากที่สุด และเป็นสัญลักษณ์ว่าดวงพระวิญญาณของพระประยูรญาติพระองค์นั้นได้ไปสู่สวรรค์แล้ว
§  เขาไกรลาส หรือไกลาส
เขาไกรลาส เป็นยอดเขาลูกหนึ่งในทิวเขาหิมาลัย ชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของพระศิวะ ซึ่งทางไศวนิกาย หรือชาวไทยถือว่าเป็น “พระอิศวร” หรือเทพสูงสุดในเทพทั้งสามของฮินดูหรือตรีมูรติ อันได้แก่ พระพรหม พระนารายณ์ (วิษณุ) และพระศิวะ คนไทยโบราณเรียกเขาไกรลาสว่า “เขาผาเผือก” เนื่องจากเขาไกรลาสมีหิมะปกคลุมแล้วสะท้อนแสงแดดมองเป็นสีเงินยวง
เมื่อใดก็ตามที่พระอินทร์ และเทวดาทั้งหลายมีปัญหาที่พระพรหม พระนารายณ์ช่วยไม่ได้ ก็จะมาหาพระศิวะที่เขาไกรลาสเสมอ ส่วนพวกฤๅษี สิทธา วิทยาธร และโยคีทั้งหลายนั้น  ส่วนใหญ่จะเป็นสาวกศรัทธาบูชาพระศิวะเป็นส่วนใหญ่ พระศิวะจึงได้ชื่อว่า “พระโยคีศวร” หรือ “พระโยเคศวร”  ก็ว่า
แต่มนุษย์หลงเข้าไปในที่ส่วนตัวของพระศิวะโดยไม่ได้รับอนุญาตก็อาจจะโดนพระศิวะลงโทษได้ เช่น ท้าวอิลราช ครั้งหนึ่งหลงเข้าไปในที่รโหฐานของพระศิวะกับพระนางอุมาเทวี จึงถูกพระศิวะสาปให้กลายเป็นผู้หญิง แต่พระอุมาเทวีสงสารเลยให้กลายเป็นผู้หญิงเดือนหนึ่งและอีกเดือนหนึ่งจึงให้กลับกลายเป็นชาย
เมื่อท้าวอิลราชกลายเป็นหญิงชื่อนาง “อิลา” นั้นจำเรื่องราวครั้งที่เป็นชายไม่ได้ ไปเล่นน้ำที่แม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่ใต้แม่น้ำนั้นพระพุธกำลังดำน้ำอยู่เมื่อมองขึ้นมาเห็น นางอิลาแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ก็หลงรักจึงนำนางไปเป็นชายา เมื่อครบเดือนนางอิลาก็กลับกลายเป็นชายคือท้าวอิลราชก็จำเรื่องราวครั้งที่เป็นผู้หญิงไม่ได้และจำไม่ได้ว่าตนถูกพระศิวะสาป แต่พระพุธก็พูดเกลี่ยกล่อมด้วยความฉลาดจนได้ท้าวอิลราชเป็นศิษย์อยู่กับพระพุธ  พอครบเดือนหนึ่งกลับกลายเป็นหญิงอยู่กับพระพุธในฐานะของภรรยาอีกสับกันไปมาอยู่อย่างนี้ จนนางอิลาตั้งท้องคลอดบุตรเป็นชายแล้ว พระพุธสงสารจึงยอมเล่าความจริงให้ฟัง และแนะให้ท้าวอิลราชทำพิธีอัศวเมธบูชขอขมาพระศิวะ พระศิวะจึงให้พรให้พ้นสาป กลับไปเป็นชายตลอดไป ส่วนลูกที่เกิดกับพระพุธนั้นกลายเป็นต้นตระกูลของกษัตริย์สายจันทรวงศ์ เพราะพระพุธเป็นลูกของพระจันทร์
§  เขาสรรพยา และเขาคันธมาส
เขาสรรพยา คือภูเขาที่หนุมานไปนำต้นว่านวิเศษสังกรณีตรีชวา มารักษาพระลักษณ์เมื่อต้องศรของพวกอสูรหลายครั้ง แต่เมื่อหาต้นสังกรณีตรีชวาไม่ทันครึ่งหนึ่งหนุมานก็ยกมาทั้งภูเขาเลย ซึ่งเขาสรรพยานี้ในรามายณะสำนวนอินเดียบางฉบับว่าคือเขา “คันธมาส” ซึ่งเป็นเขาที่มีไม้หอมและสมุนไพรมาก เป็นที่รื่นเริงของพวกคนธรรพ์ทั้งหลาย ในสำนวนอินเดียนั้นหนุมานต้องรบกับพวกคนธรรพ์ก่อนถึงจะเอาเขาคันธมาสมาได้ ส่วนในรามเกียรติ์ของไทยนั้นหนุมานต้องวิ่งไล่จับกับต้นว่านวิเศษที่เคลื่อนที่ได้เหมือนตำนานต้นโสมคนของจีนกับซุนหงอคงในเรื่องไซอิ๋ว

§  สวรรค์ ๗ ชั้น
ความเชื่อเรื่องสวรรค์มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่มีสาระสำคัญแตกต่างกันไป ในความเชื่อเรื่องสวรรค์ของไทยนั้นถือว่ามี ๖ ชั้นเป็นที่อยู่ของพวกเทวดา เลยขึ้นไปก็เป็นพรหมโลกที่ที่อยู่ของพวกพระพรหมต่าง ๆ แต่บางคนก็ถือว่า โลกมนุษย์ก็เป็นแดนแห่งความสุขในกามด้วยจึงนับรวมกับมนุษยภูมิด้วย ดังนั้นจึงเกิดสำนวนว่า“สวรรค์ชั้น ๗” หรือมีความสุข “เหมือนขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด” นั้นหมายถึงความสุขจากกามคุณที่สุดคือการมีเพศสัมพันธ์ เพราะเทวดาในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ก่อนถึงพรหมโลกยังยึดติดอยู่ในกามคุณ

ตารางแสดงสวรรค์ทั้ง ๖ กับความสำคัญต่าง ๆ
ชั้นของสวรรค์
ชื่อสวรรค์
ผู้ปกครอง
ความสำคัญ
กุศลที่ทำให้ขึ้นไปเกิด
บนสวรรค์แต่ละชั้น
ชั้นที่ ๑
จาตุมหาราชิกา
จตุโลกบาล
เป็นด่านป้องกันพวกอสูร
ทำบุญเพื่อหวังผล
ชั้นที่ ๒
ดาวดึงส์
พระอินทร์
๑ มีต้นปาริชาต
๒ มีเจดีย์จุฬามณี ฯ
ทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นความดี
ชั้นที่ ๓
ยามา
สุยามเทวราช
บางคนเชื่อว่า
สุยามเทวราช
คือพระสยามเทวราช
เทพผู้รักษาเมืองไทย
ทำบุญเพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ของลูกหลานต้องทำตามบรรพชน
ชั้นที่ ๔
ดุสิต
ท้าวสันดุสิตเทวราช
เป็นที่อยู่ของ
พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย
ทำบุญเพื่ออยากจะสงเคราะห์สัตว์โลก
ชั้นที่ ๕
นิมมานรตี
ท้าวสุนิมมิตเทวราช
เป็นที่อยู่ของ
เทวดาเนรมิตได้ทุกอย่าง
ทำบุญตามต้นแบบและทำด้วยความตั้งใจดี
ชั้นที่ ๖
ปรนิมมิตวสวัตตี
๖.๑ ฝ่ายเทวดา
เป็นที่อยู่ของพระยามาร
ทำบุญด้วยความปีติสุขในการให้
ท้าวปรนิมมิตเทวราช
๖.๒ ฝ่ายมาร
พระยามาร

๑. จาตุมหาราชิกาภูมิ เป็นที่อยู่ของเทวดารับใช้ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ มีอายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ (๙ ล้านปีมนุษย์)
ถือว่าเป็นด่านแรกที่ป้องกันไม่ให้พวกอสูรบุกขึ้นไปบนสวรรค์
๒. ตาวติงสาภูมิ หรือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีเมืองชื่ออมราวดีนครปกครองโดยพระอินทร์ และมีเทวดาเป็นเสนาบดีผู้ช่วย ๓๓ ตน หนึ่งในนั้นคือ ท้าวทักษะซึ่งเป็นเทพแห่งปัญญาและเป็น พ่อตาของเหล่าเทวดาทั้งหลาย เนื่องจากมีลูกสาวมาก ครั้งหนึ่งท้าวทักษะเคยมีอำนาจมากครอบครองทั้งสามโลก แต่เนื่องจากดูถูกพระศิวะจนนางสตีธิดาคนหนึ่งของตนที่เป็นชายาพระศิวะฆ่าตัวตาย พระศิวะโกรธจึงตัดหัวท้าวทักษะออกและเปลี่ยนให้เป็นหัวแพะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีความสำคัญกับวรรณคดีไทยมาก เช่น
ก) มีต้นไม้วิเศษคือ ต้นปาริชาต ถ้าใครได้กลิ่นก็จะระลึกชาติได้
ข) เป็นที่ตั้งของพระเกศจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งบรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าไว้
เป็นต้น
๓ ยามาภูมิ  มีท้าวสุยามเทวราชเป็นผู้ปกครอง เป็นที่มีความสุขสงบกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะไม่มีเรื่องทำสงครามกับอสูร
๔ ตุสิตาภูมิ หรือสวรรค์ชั้นดุสิต มีท้าวสันดุสิตเทวราชเป็นผู้ปกครอง เป็นที่มีความสุขสงบกว่าชั้นยามา กล่าวกันว่าเป็นที่สถิตของพระโพธิสัตว์หลายก่อนที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และเป็นที่สถิตของพระพุทธมารดาหลังจากสิ้นพระชนม์ทุกพระองค์ โดยพระพุทธมารดาจะมาอุบัติขึ้นในสวรรค์ชั้นนี้กลายเป็นเทพบุตรเพศชาย เนื่องจากหมดกรรมที่ปรารถนาจะเป็นพุทธมารดาแล้ว แต่พระโพธิสัตว์จะไม่ไปเกิดในสวรรค์ที่อยู่สูงไปกว่าชั้นดุสิต เพราะเมื่ออยู่ในสวรรค์ชั้นสูงขึ้นไปกว่านี้อาจจะเพลิดเพลินกับความสุขจนยึดติดและไม่ยอมจุติลงมาในโลกอีกเลย นอกจากจะหมดบุญ
๕ นิมมานรตีภูมิ  มีท้าวสุนิมมิตเทวราชปกครอง สวรรค์ชั้นนี้มีความสุขสงบกว่าชั้นดุสิต ว่ากันว่าเมื่อเทวดาในสวรรค์ชั้นนี้ต้องการอะไรก็เนรมิตเอาได้เอง
๖ ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ 
 แบ่งเป็น
๖.๑ ฝ่ายเทวดา มีท้าวปรนิมมิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
๖.๒ ฝ่ายมาร มีท้าวปรนิมิตวสวัตตีมาราธิราช หรือ กามเทพ หรือพระยามาร เป็นผู้ปกครอง
สวรรค์ชั้นนี้มีความสุขยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นนิมมานรตี เพราะถ้าเทวดาในสวรรค์ชั้นนี้ต้องการอะไร เทวดาชั้นนิมมานรตีก็จะขึ้นมาเนรมิตให้ เนื่องจากเป็นที่มีความสุขเกินไปพระยามารจึงเกิดมิจฉาทิฐิ ริษยาและหวาดกลัวว่าพวกมนุษย์จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของตน
§  พรหมโลก
ชั้นพรหมโลกเป็นที่ไปเกิดของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงปราศจากตัณหาและกามราคะทั้งหลาย มี
๑ รูปพรหม ๑๖ ชั้น
๒ อรูปพรหม ๔ ชั้น 
โดยชั้นอรูปพรหมจะมีสุขและอายุยืนกว่าชั้นรูปพรหม แต่พรหมในชั้นนี้ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ได้แต่เสวยผลบุญอยู่เท่านั้น ส่วนชั้นรูปพรหมสามารถบรรลุธรรมได้
โดยชั้นสูงสุดของรูปพรหมคือ ชั้นอกนิฏฐภูมิ หรือชั้นอกนิฏฐพรหม โดยคนไทยโบราณเชื่อว่าเมื่อเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกไฟจะไหม้ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นพรหม เหลือแต่ชั้นอกนิฏฐภูมิที่ไฟไหม้ขึ้นไปไม่ถึง พวกเทวดาทั้งหลายก็จะหนีตายขึ้นขออยู่บนชั้นอกนิฏฐพรหมกันหมด จนเบียดกันไม่เหลือช่องว่างใด ๆ เลย จนเมื่อฝนตกหนักมาดำไฟน้ำท่วมโลกจนเหมือนว่าปลาเกือบจะขึ้นไปกินดาวบนไฟได้ เมื่อน้ำแห่งลง
พระพรหมชั้นอาภัสสรพรหมต่างก็ได้กลิ่นง้วนดินหอมลอยขึ้นไปจากพื้นโลกถึงชั้นพรหมโลก เมื่อพรหมชั้นอาภัสสรพรหมตนได้อดใจไม่ได้ ก็เหาะมาลองตักกินดูด้วยความอยากรู้ เมื่อได้ลิ้มรสง้วนดินที่มีรสเหมือนเนยข้นก็เกิดจิตมีกิเลส จึงกลายเป็นมนุษย์ปรากฏเพศเป็นหญิงชายตามบุญกรรม เมื่อกลายเป็นคนธรรมดาแล้วก็เหาะกลับไปพรหมโลกไม่ได้ จึงจับคู่เป็นสามีภรรยาอยู่บนโลกมนุษย์กลายเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ต่อมา ซึ่งชาวไทยเรียกบรรพบุรุษคู่แรกของมนุษย์ว่า “ปู่แสง ย่าสาง” ซึ่งอาจจะเป็นตัวแทนของแสงสว่างในอรุณรุ่งของวันใหม่ที่เรียกว่า “ฟ้าสาง” ก็ได้
ตามความเชื่อเกี่ยวกับตำนานต้นผีไทยกล่าวอีกว่า นอกจากปู่แสง ย่าสางจะเป็นพรหมที่ลงมาเป็นมนุษย์คู่แรกแล้ว เมื่อปู่แสง ย่าสางแก่เฒ่ามาก ๆ แต่ไม่ยอมตายก็กลายเป็น ผีปอบคู่แรกด้วย

            อนึ่งแม้ว่าชั้นพรหมโลกจะเป็นที่มาเกิดของผู้บรรลุธรรม แต่พระพรหมที่อยู่ในชั้นพรหมโลก ยกเว้นพรหมธาดา เทพผู้สร้างนั้น พรหมอื่น ๆ ก็เกิดมีมิจฉาทิฐิกลายเป็นมารร้ายได้เหมือนกันเรียกว่า “อสูรพรหม” น่าจะเป็นรูปพรหมเท่านั้นเพราะแม้จะปราศจากกามราคะ แต่มีความเห็นผิดและอหังการได้ ซึ่งถ้าอสูรพรหมคิดร้ายทำลายโลกมนุษย์ ดังเช่นอสูรพรหมที่มีตาเป็นไฟหวังจะใช้ตาไฟของตนทำลายล้างโลกพระศิวะก็มีหน้าที่ขึ้นไปปราบและสังหารอสูรพรหมตนนั้น ดังที่ปรากฏในเรื่องนารายณ์สิบปาง

ด้านล่างภาพไตรภูมิวาดใหม่สมัย ร.๙ ปลาอานนท์อยู่ในบาดาลโลก และบาดาลโลกอยู่ก่อนนรก



ภาพไตรภูมิวาดใหม่ ร.๙
ที่มา https://www.pinterest.com/banchornsuwan/ไตรภูมิ

เปรียบเทียบภูมิต่าง ๆ ในวรรณกรรมสากลกับไตรภูมิของไทย

ล.
โลกศาสตร์สากลและไทย
อียิปต์
กรีก
เมโส
จีน
ญี่ปุ่น
ฮินดู
ไทย
ไวกิ้ง
แดนสว่าง
สวรรค์
สวรรค์มหาเทพ
สวรรค์
สุริยเทวีโลก
พรหมโลก
นครนิพพาน
วานาไฮล์ม
สวรรค์ปวงเทพ
ตปโลก
อรูปพรหม ๔
มหรฺโลก
รูปพรหม ๑๖
ชนโลก
ปรนิมมิตวสวัสตี
สวรฺโลก
นิมมานรดี
ดุสิต
ยามา
อัลฟ์ไฮล์ม
ดาวดึงส์
แอสการ์ด
จตุมหาราชิกา
นิดาเวลลีร์
สวาตัลฟ์ไฮล์ม
๑๐
เขาออกกับตก
เขาโอลิมปัส
มาชุ
เทียนซาน
ฟูจี
สุเมรุ
พระสุเมรุ
ต้นอิกก์ดราซิล
๑๑
นุต
ยูเรนัส
อะนุ
ท้องฟ้า
ฟ้า-สวรรค์
ภุวรฺโลก
ท้องฟ้า
ท้องฟ้า
๑๒
โลกความตาย
นรก
นรก
เมืองผี
บรรพโลก
ปิตฤโ,ลก
ปรโลก
หอคอยวัลฮัลลา
๑๓
เกป
ไกอา
กี/เทียมัต
ผานกู่ (จีน)
ญี่ปุ่น
สัปตทวีป
ทวีปทั้ง ๔
มิดการ์ด  (ยีเมียร์)
๑๔
แม่น้ำมรณะ
แม่น้ำมรณะ
แม่น้ำมรณะ
ทะเลทั้ง ๔
แดนมังกร
สัปตสาคร
สีทันดร
มหาสมุทร
๑๕
แดนมืด
ทาร์ทารัส
ปีซีดาร์
แดนปีศาจ
แดนราตรี
รสาตละ
อสุรกายภูมิ
โยทุนไฮล์ม
๑๖
แดนมืด
ใต้โลก
แดนอุตนาบีซติม
แดนมังกร
แดนราก
ปาตาล ๗
นาคโลก
รากต้นไม้โลก
๑๗
โลกความตาย
นรก
นรก
นรก ๑๐
นรก
ยมโลก
นรก ๘
เฮลไฮล์ม
๑๘
แดนมืด
ทาร์ทารัส

นรกหนาว


โลกันต์
นิฟเฟลไฮล์ม

1 ความคิดเห็น:

  1. This way my colleague Wesley Virgin's tale begins in this SHOCKING AND CONTROVERSIAL VIDEO.

    As a matter of fact, Wesley was in the army-and shortly after leaving-he revealed hidden, "SELF MIND CONTROL" secrets that the CIA and others used to get everything they want.

    These are the same methods many famous people (notably those who "come out of nowhere") and top business people used to become wealthy and successful.

    You probably know how you use only 10% of your brain.

    That's mostly because the majority of your brain's power is UNTAPPED.

    Perhaps that expression has even occurred IN YOUR very own brain... as it did in my good friend Wesley Virgin's brain around 7 years back, while driving an unlicensed, garbage bucket of a car without a license and with $3 in his bank account.

    "I'm very fed up with going through life paycheck to paycheck! Why can't I turn myself successful?"

    You've taken part in those types of thoughts, isn't it so?

    Your success story is waiting to happen. All you need is to believe in YOURSELF.

    CLICK HERE TO LEARN WESLEY'S SECRETS

    ตอบลบ