😇 เรื่องพุทธาวตารคนดีผู้หลอกลวง ไม่มีในศาสนาฮินดูของอินเดีย ซึ่งในตำรานารายณ์สิบปางยี่สิบปางฉบับไทยที่กล่าวถึงพุทธาวตารก็น่าจะแปลมาจากอังกฤษได้รับอิทธิพลจากปุราณะสมัยหลังไม่ใช่ของเก่าดังเดิม ตามเรื่องที่ยกย่องว่าพุทธองค์เป็นอวตารของพระนารายณ์ผู้ไปหลอกให้อสูรตรีปุระเลิกบูชาพระศิวะลึงค์จะได้ถูกพระศิวะสังหารได้ ความจริงที่มาของตำนานนี้มาจากเรื่องทศกัณฐ์ขอพระศิวะลิงค์จากพระศิวะไปลังกา แต่พระคเณศแปลงเป็นเด็กแล้วมาหลอกเอาไป ส่วนอสูรตรีปุระในปุราณะอินเดียมีสามตนตามชื่อพระศิวะทำลายเมืองอสูรทั้งสามเมืองของพวกอสูรตรีปุระทั้งสามเมืองที่สร้างขึ้นด้วยดวงตาที่สาม อสูรสองตนตายไปพร้อมกับความพินาศของเมือง แต่มีตนหนึ่งหนีไปได้เพราะเป็นสาวกของพระศิวะ
😈 แต่พอเล่ามาถึงเมืองไทยพวกพราหมณ์ไทยก็เล่าใหม่ว่าอสูรตรีปุระเป็นอสูรเพียงตนเดียวมี่ได้พรว่าให้พระนารายณ์ฆ่าไม่ได้ และได้ศิวลึงค์ของพระศิวะไปบูชา ก่อนฆ่าอสูรพระนารายณ์ต้องอวตารเป็นพุทธองค์ไปหลอกเอาศิวะลึงค์ไป แล้วพอพระศิวะใช้กำลังพระนารายณ์เป็นศรพระนารายณ์ก็หลับไปตามพรที่อสูรได้รับ พระศิวะจึงสังหารอสูรด้วยตาที่สาม ตรงนี้ถ้าถามว่าเรื่องนี้ที่อิยเดียมีไหมก็อาจจะมี แต่ไม่ได้รับการนับถือจากพวกพราหมณ์แต่อย่างใด เพราะในอินเดียมีปุราณะมากมายแต่เรื่องที่นิยมคือเรื่องทศกัณฐ์กับศิวลึงค์เท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าพุทธเจ้าฮินดูรับไปเป็นพุทธาวตารก็เป็นตำนานอีกเรื่องต่างหากไป ซึ่งไม่ได้เป็นการพยายามกลืนพุทธของศาสนาฮินดู แต่เกิดขึ้นจากการกลมกลืนทางศาสนาและวัฒนธรรมตามธรรมชาติ เพราะในอินเดียพุทธกับพราหมณ์ก็อยู่ร่วมกันได้ด้วยดี แม้จะมีการขัดแย้งกันทางด้านความคิดแต่พุทธกับฮินดูรบกันทางปัญญาใช้เหตุผลโต้เถียงกัน เพราะมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมอินเดียเหมือนกัน
ที่มา http://ultimatelight.blogspot.com/2012/10/atmalinga-wiki-youtube-ganesha.html
😈 แต่กษัตริย์ฮินดู และอิสลามเองที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือทำลายกันเอง ในยุคหลังกษัตริย์เป็นพุทธหรือ? อินเดียมีศาสนามากดังนั้นกษัตริย์อินเดียก็จะเลือกอุปถัมภ์ศาสนาที่ส่งเสริมให้ตนมีอำนาจนั้นแหละ นอกจากมหาจักรพรรดิอินเดียที่ยิ่งใหญ่จริงอย่างพระเจ้าจันทรคุปตะที่นับถือไชนะ และพระเจ้าอโศกที่นับถือพุทธ และใช้พุทธเป็นเครื่องมือขยายอิทธิพลทางศาสนาและปกครองใจคน ยุคนี้น่าจะเกิดเรื่องพุทธาวตารเป็นปางหนึ่งพระนารายณ์ขึ้น เพื่อประนีประนอมระหว่างพุทธที่มีอำนาจทางการเมือง และฮินดูที่ยังมีคนนับถืออยู่พอสมควร เพราะพราหมณ์กุมความรู้ทางโลกิยะไม่ว่าจะเป็นกามสูตร โหราศาสตร์ และพิชัยสงคราม ฯลฯ ที่พุทธปฏิเสธ แต่อย่างไรก็ตามเป็นยุคที่พุทธศาสนารุ่งเรืองสูงสุดในอินเดีย ปรากฏวรรณคดีทางปรัชญาและวรรณกรรมทางพุทธศาสนามากมายซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ได้จากการผสมกลมกลืนและวิวาทวาทะกับพวกไชนะ และฮินดู
😈 แต่ต่อมาอิทธิพลของอิสลามและคริสต์เข้ามาในอินเดียทั้งสองศาสนามีบทบาทให้คนยากจนลุกขึ้นสู้กับความไม่เป็นธรรมของสังคมด้วยความรุนแรงมากกว่าพุทธศาสนา อีกด้านหนึ่งในอินเดียพุทธศาสนาอาจจะเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากก็จริง แต่ไม่แฝงอยู่กับวิถีชีวิตอินเดีย เรียกว่าเผาวัดจับพระสึกก็หมด ในขณะที่พราหมณ์แต่งงานมีลูกหลานได้ ถึงเผาเทวลัยฆ่าพราหมณ์รักษาเทวลัยที่บ้านลูกเมียที่เป็นพราหมณ์ก็ยังอยู่ เช่นเดียวกับ คริสต์ และอิสลาม ที่มีสังคมเหนี่ยวแน่นมากกว่าความเป็นปัจเจกชนและความสันโดษของพุทธ ในยุคหลังที่มักมีการปะทะทางศาสนาที่รุนแรงมากกว่าแต่เดิม ประเภทเผาวัดฆ่านักบวชของทุก ๆ ศาสนาในอินเดีย ทำให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาเดียวที่ได้ผลกระทบมากสุดจนเกือบสูญหายไปจากอินเดีย (ฮินดูมันก็ถูกอิสลามปล้นฆ่าเหมือนกันแต่มันไม่หมดกลับยิ่งปะทะกับอิสลามด้วยความรุนแรง และยันกันอยู่) ยุคนี้เกิดแนวคิดศาสนาสุดโต่ง พุทธเท่านั้น ฮินดูเท่านั้น คริสต์เท่านั้น และอิสลามเท่านั้น ไม่ยอมรับการผสมกลมกลืนของศาสนาอื่นเหมือนสมัยก่อน เรียกว่าถ้าคนฮินดูเอาพระเยซูไปบูชาคนที่นับถือคริสต์ก็จะว่าพวกฮินดูขโมยพระเจ้าของตนไปทำมิดีมิร้ายแล้วก็จะบุกไปเผาเทวาลัยฮินดูกันที่เดียว ยุคหลังนี้พุทธเจ้าจึงอยู่เป็นอวตารของพระนารายณ์ไม่ได้ เรื่องราวนี้จึงถูกลบทิ้งไป หรือไม่มีมาตั้งแต่แรกในภรตนาฏยัมซึ่งเป็นการแสดงร่วมสมัยของรัฐทมิฬนาฑูและของอินเดียที่คงความเก่าแก่ของจารีตการแสดงที่เก่าแก่ที่สุดไว้ได้ โดยในเอกสารตำราวรรณกรรมการละครของศิลปะการแสดงภรตนาฏยัมก็ไม่กล่าวถึง รามาวตาร กฤษณาวตาร พุทธาวตาร และกัลกิ อวตาร แต่กล่าวถึง รามาวตาร กฤษณาวตาร พลรามาวตาร และกัลกิ อวตาร ซึ่งพลราม คือพระพลรามพี่ชายพระกฤษณะ (ไทยว่าเป็น "พระพลเทพ" เทพการเกษตรปรากฏในเรื่องอนิรุทธคำฉันท์) ที่อวตารมาจากเศษนาคและพลังของพระนารายณ์ด้วยครึ่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวนี้ปรากฏอยู่ในนาฏกรรมการแสดงของอืนเดียที่จะต้องแสดงใหัชาวบ้านและกษัตริย์ชมในสมัยหลังตั้งแต่ร้อยปีก่อน ก่อนยุคที่อังกฤษเข้ามาในอินเดียและมีการปะทะกันอย่างรุนแรงทางศาสนาการกล่าวว่า มีพุทธาวตาร หรือการมีพุทธาวตารในนาฏกรรมการแสดงไม่ได้รับการยอมรับและอาจนำภัยมาให้
😈 จนถึงยุคเปลี่ยนการปกครองที่ ดร. อัมเบดการ์ ผู้นำพวกดาลิต (พวกวรรณะต่ำ) ประกาศตนไม่มีวรรณะและหันมานับถือพุทธ แม้แต่ธงชาติอินเดียก็มีรูปธรรมจักร เสาอโศกได้รับการนำมาใช้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอินเดีย ร่วมถึงบทบาทการฟื้นฟูพุทธศาสนาในอินเดียจากญี่ปุ่น เขมร ลาว ไทย ฯ โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นแกนนำชาติแรกและทรงอิทธิพลทางความคิดและการเมืองก่อนที่ชาวธิเบตจะมาอินเดีย (ยุคที่องค์ดะไลลามะเสด็จมาอินเดียหลังแพ้สงครามจีน)
รูป ธงชาติอินเดียมีธรรมจักรหรืออโศกจักรตรงกลางสีน้ำเงิน กับหัวเสาอโศกรูปสิงโตบนยอดโดม
ที่มา https://www.biospectrumindia.com/news/76/4053/supreme-court-defers-hearing-on-clinical-trials.html
😈 แม้คนพุทธอินเดียน้อย แต่ในยุคปัจจุบันที่มีสันติภาพเป็นสิ่งสำคัญ และการปะทะกันอย่างรุนแรงเป็นเรื่องล้าสมัย พุทธศาสนาได้รับการศึกษาจากคนชั้นสูงอีกครั้งแม้จะไม่กล้าประกาศตนเป็นพุทธอย่างเด็ดเดียวเปิดเผย แต่การพูดถึงพุทธาวตารมีการนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อการประนีประนอม แต่ก็ว่าพุทธเจ้าเป็นผู้หลอกอสูรดังกล่าวเพราะพราหมณ์ยังได้ประโยชณ์จากระบบวรรณะและไม่อยากจะสูญเสียระบบวรรณะไปเท่านั้น ไม่ได้ต้องการกลืนศาสนาพุทธแต่อย่างใดเพราะพุทธสูญเสียพื้นที่ทางสังคมในอินเดียไปนานมากแล้ว และชาวพุทธเองที่กลับมาฟื้นพุทธศาสนาในอินเดีย คัมภีร์ทางพุทธศาสนามหายานเองโดยเฉพาะคัมภีร์จากธิเบตชื่อว่า อวโลกิเตศวรการัณฑวยูหสูตรเสียเองที่พยายามกลืนศาสนาฮินดูโดยพระคัมภีร์นั้นว่า "แรกเดิมจักรวาลว่างเปล่า แต่พระอาทิพุทธเกิดจากดอกบัว และพระองค์แบ่งภาคเป็นอวโลกิเตศวร จากนั้นพระอวโลกิเศวรก็สร้างเทพเจ้า และเจ้าแม่ต่าง ๆ ในศาสนาฮินดูขึ้นเพื่อสร้างจักรวาล ส่วนพระอาทิพุทธก็แบ่งภาคไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าในพุทธเกษตรต่าง ๆ ร่วมทั้งโลกมนุษย์" แสดงให้เห็นว่าในอินเดียเรื่องพุทธาวตารของพระนารายณ์แต่เดิมผู้ที่รับประโยชน์ที่สุดคือชาวพุทธในอินเดีย ไม่ใช่ชาวฮินดู ชาวฮินดูจึงต้องแปลงว่ามีพุทธาวตารก็ได้ แต่เป็นครูของพวกอสูรนะ เพราะถ้าว่าบอกไม่มีคนจะไม่เชื่อ จึงแปลงเรื่องให้มีได้ แต่ความจริงสูงสุดคือเทพฮินดู คือมีแต่ไม่มีอยู่กับความเป็นจริง เป็นสิ่งลวงและความเท็จ ดังนั้นในมุมมองของพวกฮินดูที่เคร่งจริงที่สืบทอดความคิดหัวรุนแรงมาจากยุคหลังล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกเมื่อร้อยปีก่อนจนถึงปัจจุบันก็จะว่า "พุทธาวตารไม่มี" อยู่ดี
😈 เชื่อว่าเรื่องพุทธาวตารเป็นมุมมองของคนพุทธในไทย และอินเดียที่ประนีประนอมเอาเองในสมัยหลัง ๆ ต่อมา คนฮินดูแท้ในอินเดียบอกว่าไม่มีพุทธาวตารเหมือนหนังอินเดียในปัจจุบันที่สร้างกระแสนับถือพุทธในอินเดีย เพราะพวกพราหมณ์จริงมันหยิ่งไม่ยอมรับพุทธเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากพราหมณ์ในไทย และพวกดาริต (दलित ) ในอินเดียซึ่งเป็นชาวพุทธที่ไม่มีวรรณะในอินเดียที่จะพยายามว่ามีพุทธาวตารเป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์เพราะพวกเขาต้องอิงอาศัยศาสนาฮินดู แต่พราหมณ์ชั้นสูงจริงมันใหญ่มันหยิ่งมันว่าไม่มีพุทธาวตาร หนังที่เอามาฉายในไทยมันเอาใจพวกดาริต ซึ่งเป็นพวกจัณฑาลไม่มีวรรณะ แบบสร้างภาพ มีการเมืองเกี่ยวข้องด้วย
😈 เนื่องจากคนพุทธอินเดียน้อยที่อินเดียคนฮินดูมีอำนาจมากในทางการเมือง มีประชากรส่วนใหญ่นับถือฮินดู ส่วนพราหมณ์ที่เมืองไทยพ่อแม่มันเป็นพราหมณ์แต่มันอยู่เมืองพุทธ ทั้งสองพวกนี้ ทั้งพุทธอินเดียและพราหมณ์ไทยมันจึงสร้างเรื่องพุทธาวตารเพื่อหาทางออกให้พวกมันเอง มาแต่ครั้งโบราณ ส่วนพวกที่นับถือพุทธและฮินดูเคร่งจริงจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีพุทธาวตาร เพราะพวกมันไม่มีความจำเป็นต้องประนีประนอมกับใครอยู่บ้านกู กูใหญ่
พระคเณศหลอกเอาศิวะลึงค์จากทศกัณฑ์ (ทศกัณฐ์คือสมญานาม ชื่อจริงในอินเดียคือราวณะ)
😇 การที่จะเข้าใจประวัติพุทธศาสนาในอินเดียต้องศึกษาผ่านมุมมองของชาวอินเดีย และศาสนาอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่มองผ่านแต่มุมมองของชาวไทยพุทธ พราหมณ์ ผี แบบไทยเท่านั้นเพราะอินเดียเป็นอนุทวีปที่ชาวไทยยังไม่ได้มีความรู้อะไรลึกซึ้ง ที่ผ่านมาก็ศึกษาแต่ผิว ๆ องค์ความรู้แต่โบราณของอินเดียในไทยพวกเราเรียนรู้ผ่านเขมร จีน ฝรั่ง มาเลเซีย ศรีลังกา พม่า เป็นอันมากซึ่งสองประเทศหลังมีอคติกับอินเดีย เรียกว่าอมขี้ปากเขาแล้วจำมาพูดเสียโดยมาก ไม่ได้รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับอินเดียเลย ปล. จากเมืองวรธา รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย
พระญี่ปุ่นเทศนาและกล่าวขอบคุณที่พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่เมือง วรธา รัฐมหาราษฏระ
ประเทศอินเดีย (เหนือ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น