วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เทวดาหรือผีร้าย พรหรือคำสาป ระวังให้ดี

            ในความเชื่อคนโบราณเราเรียกศพและคนที่ตายแล้วว่าผี ผีนั้นมีมากมายเช่นผีบ้าน ผีเชื้อ ผีปู่ ย่า ผีเสื้อเมือง ผีทรงเมือง เจ้าที่ ผีป่า เสือสมิง ผีกองกอย เจ้าป่า เจ้าเขา ผีร้าย ผีดี และผีฟ้า หรือเทวดาคือผีชนิดหนึ่งเหมือนกัน เพราะผีคือผู้หลอกลวง และผู้ได้รับพรที่สุดท้ายกลายเป็นคำสาป เป็นการหลอกลวงและการแกล้งของเทพยดาทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในตำนานมากมาย เช่น

          ๑. นางฟ้าชื่อ อีออส (Eos : กรีก) หรือ ออโรร่า (Aurora : โรมัน) เป็นเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ (Usha อุษา : อินเดีย) บริวารของเทพอพอลโล (Apollo) ผู้ทำหน้าที่เปิดประตูให้ราชรถทองคำของอพอลโลออกโคจรในยามรุ่งเช้า
        ต่อมานางได้พบและหลงรักเจ้าชายไทโธนัส (Tithonus) โอรสของท้าวเลือมมิดอน (Laomedon) แห่งกรุงทรอย อีออสลักพาตัวไทโธนัสมาอยู่ด้วยกัน

        อีออสนั้นเป็นเทพธิดา ไม่แก่ ไม่ตาย แต่มนุษย์ธรรมดาอย่างไทโธนัสไม่เป็นเช่นนั้น นางเกรงว่าสักวันสามีจะต้องตายจาก จึงไปขอร้องทวยเทพให้มอบชีวิตอมตะให้แก่ไทโธนัส ซึ่งเหล่าเทพก็มอบให้ พรที่ต้องการให้กลายเป็นคำสาปสำหรับเธอและสามี

        เพราะทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานด้วยความสุข แต่ในที่สุดไทโธนัสก็แก่ตัวลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่ตาย! เพราะพวกเทพแกล้งให้ได้เพียงความเป็นอมตะเท่านั้น แต่ไม่ให้ความเป็นหนุ่มตลอดกาลให้แก่ไทโธนัสด้วย และไม่ยอมให้พรนี้กับไทโธนัสอีก เขาจึงกลายเป็นตาแก่ไร้เรี่ยวแรงอยู่ในตำหนักของอีออสที่ยังสาวและเรียกร้องหาความรักอันร้อนแรง เมื่อหมดความรักและทนความรำคาญไม่ไหว อีออสก็สาปให้สามีกลายเป็นตั๊กแตนไปเพื่อกำจัดทิ้ง เป็นอันสิ้นสุดความรักระหว่างมนุษย์กับนางฟ้าที่เป็นเหมือนคำสาป (สมใจนึกพวกเทวดาทั้งหลายที่ไม่อยากให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรก) และแสดงว่าพรที่ให้รักกันอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดรไม่มีจริง


             อีออสมีบุตรด้วยกันกับไทโธนัส 2 คน คือ เมมนอน (Memnon) และ เมไธออน (Emathion) ต่อมา เมมนอนได้ครองประเทศเอธิโอเปีย และยกทัพไปช่วยทรอยรบกับกรีก จนถูกสังหารด้วยมือของอคิลลิส

       ๒. ไมดาส เป็นชื่อของกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ปกครองนครไฟร์เกีย พระองค์เป็นราชโอรสของ พระเจ้ากอดิอุส โดยไมดาสทรงได้รับราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา ซึ่งในเวลานั้นนครไฟร์เกียเป็นหนึ่งในนครที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุดนครหนึ่งด้วยพระปรีชาสามารถในการบริหารปกครองของพระราชบิดา (กษัตริย์องค์ก่อน)
              วันหนี่ง พระเจ้าไมดาสได้ช่วย เซเทอร์ (ครึ่งคนครึ่งแพะ) ชื่อว่า "ไซเลนนัส"  บริวารของเทพไดโนนีซุสเทพเจ้าแห่งไวน์ ที่ถูกชาวนาจับมัดได้เพราะเมาและพลัดหลงกับเพื่อน ๆ โดยบังเอิญ หลังจากกษัตริย์ไมดาสทรงช่วยไซเลนนัสเอาไว้ เทพไดโนนีซุสก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงโปรดปรานไมดาสเป็นอันมากที่ช่วยบริวารพระองค์ จึงทรงมอบพรให้กษัตริย์ไมดาสหนึ่งข้อกษัตริย์ไมดาสก็ขอว่า ขอให้ทุกสิ่งที่ตนสัมผัสนั้นกลายเป็นทองคำทั้งหมด

            ไดโอนีซุสก็ประทานพรให้ตามที่ขอ และก็จากไปพร้อมบริวาร ส่วนไมดาสนั้นเมื่อได้พรแล้วก็ทรงทดลองด้วยการแตะของต่างๆในวังจนกลายเป็นทองคำไปหมด ทำให้พระองค์มีความสุขในความมั่งคั่งเป็นอันมาก

             ทว่าเมื่อถึงเวลาที่จะเสวย ไมดาสก็ทรงพบว่า ทั้งอาหารและน้ำที่พระองค์สัมผัสกลายเป็นทองคำจนหมดสิ้น ทำให้พระองค์ไม่สามารถเสวยสิ่งใดได้เลย และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ พระองค์โอบกอดพระธิดาองค์น้อยที่ทรงรักมากเพราะความเศร้าเข้า ทำให้พระธิดากลายเป็นรูปปั้นทองคำไป

          กษัตริย์ไมดาสทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก พระองค์ได้สวดอ้อนวอนขอให้เทพไดโอนีซุสทรงเมตตาลบล้างพรที่ทรงประทานให้ ในที่สุด เทพเจ้าไดโอนีซุสทรงเกิดความสงสารจึงทรงให้บอกให้ไมดาสไปชำระล้างพรที่แม่น้ำแพคโตลัส กษัริย์ไมดาสทรงทำตามที่เทพเจ้าตรัสบอก และพรวิเศษก็หายไป พร้อมกับทุกสิ่งกลับคืนดังเดิม อย่างไรก็ตาม พรของไดโอนีซุสที่ถูกชำระล้าง ก็ได้ทำให้แม่น้ำทั้งสายกลายเป็นผงทองคำ แต่บางตำนานว่าพระองค์เดินลงแม่น้ำไปด้วยความสิ้นหวังและเมืองทองคำของพระองค์ก็สาปสูญไปกลายเป็นขุมทรัพย์ที่ทุกคนแสวงหาพร้อมกับมือของพระองค์ที่ทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นทองคำได้

    สุดท้ายมนุษย์เราก็ไม่เคยได้รับบทเรียนจากเรื่องของ "ราชาไมดาส" ที่ว่าพรแห่งความมั่งคั่งนั้น ไม่ได้เป็นพรนำมาซึ่งความสุขเสมอไป และความโลภที่จะให้ได้ความมั่งคั่งมานั้นคือคำสาปที่นำความทุกข์มาให้

        ๓.  หิรัณยกศิปุ เป็นอสูรตนหนึ่งบำเพ็ญตบะเป็นเวลานาน จนได้รับพรจากพระพรหม ให้เป็นผู้ที่ฆ่าไม่ตายจากมนุษย์, สัตว์, เทวดา ให้ฆ่าไม่ตายทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ให้ฆ่าไม่ตายทั้งจากอาวุธและมือ ให้ฆ่าไม่ตายทั้งในเรือนและนอกเรือน

         หิรัณยกศิปุ ได้พรแล้วก็เป็นใหญ่ในสามโลก ทำให้พวกเทวดาเดือนร้อน พระพรหมจึงแนะให้พระอินทร์ไปทูลเชิญพระนารายณ์ไปปราบ พระนารายณ์จึงอวตารเกิดมาเป็น นรสิงห์ คือ มนุษย์ครึ่งสิงห์               นรสิงห์จับหิรัณยกศิปุด้วยกรงเล็บ มาที่กึ่งกลางบานประตู ในเวลาโพล้เพล้ ก่อนตาย นรสิงห์ได้ถามหิรัณยกศิปุว่า

          ๑) สิ่งที่ฆ่าเจ้าเป็นมนุษย์หรือสัตว์หรือเทวดาหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่
          ๒) สิ่งที่สังหารเป็นมือหรืออาวุธหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่
          ๓) ที่นี้อยู่ในเรือนหรือนอกเรือนหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่
          ๔) และเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่
          นรสิงห์จึงฆ่าหิรัณยกศิปุด้วยการฉีกอก เพื่อปกป้องประหลาดกุมารสาวกของพระนารายณ์ และบุตรของหิรัณยกศิปุ แสดงให้เห็นว่าพรที่ทำให้เป็นอมตะและไม่ตายไม่มีอยู่จริง

สรุป: รัก และผิดหวังในรัก รวยและจน เกิดและตาย เป็นธรรมดาของโลกมนุษย์ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น ......พรวิเศษใด ๆ แม้แต่ในนิทานหลอกเด็กก็ไม่มีอยู่จริง
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น