เบเลียล Belial พญามารแห่งความมืดผู้ปราศจากกฏเกณฑ์ ประจำวันที่ 25 - 29 ก.พ.
ภาพดวงตามารแห่งความมืดผู้ปราศจากกฏเกณฑ์
ที่มา https://greyschool.wordpress.com/2017/01/02/the-demon-belial-a-student-submission/
😈 พญามารตนที่หกสิบแปดของพระเจ้าสุลัยมานคือ เบเลียล Belial เป็นเทพตกสวรรค์ที่ทรงอำนาจ เชื่อกันว่าเบเลียลเคยเป็นเทวทูตสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากพระเจ้าสร้างลูซิเฟอร์ เบเลียลเป็นพญามารแห่งความมืดที่ซุกซนและปราศจากกฏเกณฑ์ ผู้นำความชั่วร้ายมาสู่มนุษย์ พญามารเบเลียลจะปรากฏในรูปคล้ายทูตสวรรค์สององค์ที่สวยงามนั่งอยู่ในรถม้าแห่งไฟ และเจรจาด้วยเสียงที่ไพเราะ เบเลียลชอบประกาศว่าตนคือเทวทูตตกสวรรค์ตนแรก
😈 พญามารเบเลียลสามารถแจกจ่ายงานและติดต่อกับปีศาจต่าง ๆ ได้ สร้างความโปรดปรานให้เพื่อนและศัตรู สามารถมอบภูตรับใช้ที่ยอดเยี่ยม สามารถตอบความจริงทุกอย่าง แต่เบเลียลจะโกหกและไม่ตอบความจริงจนกว่าจะถูกสะกดด้วยพลังเวทมนต์ ในวงเวทมนต์ และตราประทับ พญามารเบเลียลคุมกองทัพผีและปีศาจ 50 กองพล
😈 ภาพลักษณ์ของพญามารเบเลียล มักปรากฏเป็นปีศาจมีเขามีปีกทั่วไปในสมัยหลังเพราะไม่มีใครสนใจภาพลักษณ์เดิมที่ปรากฏเป็นเทวทูตหรือปีศาจสองตนมากนัก เนื่องจากอาจจะใช้การตีความเชิงปรัชญาหรือตำนานในพระคัมภีร์ มากกว่าเรื่องราวที่ระบุไว้ในคัมภีร์กุญแจย่อยของโซโลมอน
ที่มา http://occult-world.com/demons/belial/
😈 แต่อย่างไรก็ตามภาพลักษณ์ที่ปรากฏเป็นเทพทูตสองตนหรือสองหัวในร่างเดียวกันอาจจะมีความสัมพันธ์กับ
1) เทพสองหน้า (ความคิดสองด้าน)
1.1 Janus (กุญแจชีวิต อดีตและปัจจุบัน)
😈 เทพจานัส Janus เป็นเทพของโรมโบราณซึ่งนับถือกันว่า เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นและสิ้นสุด เทพแห่งปรปักษ์ เช่นสงครามและสันติภาพ ประตูของอาคารแบบโรมในเหรียญตราโบราณที่เรียกว่าประตูแห่งเทพจานัส คือสัญลักษณ์ของเทพจานัส ซึ่งกล่าวกันว่าการเปิดประตูคือการเริ่มต้นของสงคราม การปิดคือสัญลักษณ์ของสันติภาพ ในฐานะเทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลง เทพจานัสมีหน้าที่เกี่ยวกับการเกิด การเดินทาง การแลกเปลี่ยน การค้า และการขนส่ง
😈 การบูชาเทพจานัส Janus ไม่มีนักบวช (sacerdos) ที่ได้รับมอบหมายให้ทำโดยเฉพาะเจาะจง แต่ผู้นำแห่งพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ (rex sacrorum) อาจจะประกอบพิธีขึ้นเอง เพราะความนับถือเทพจานัส Janus มีการแพร่หลายอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่ถึงอย่างนั้นเทพเจนัสก็ไม่ใช่เทพเจ้าหลักองค์สำคัญ
😈 อย่างไรก็ดียังไม่พบว่ามีเทพของชาวกรีกโบราณที่ถูกเปรียบเทียบกับจานัส Janus ดังนั้นเทพจานัสจึงเป็นเทพดังเดิมของโรมัน
ภาพหุ่นกระบอกสองหัว "เมเรกุม" ในมาลี แอฟริกา
😈 โดยการนับถือเทพสองหน้าแบบจานัส น่าจะแพร่หลายทั่วไป เพราะในแอฟริกาของชนเผ่า บามานา (Bamana)ในตอนกลางของดินแดนแห่งมาลี Mali ทวีปแอฟริกา ก็มีหุ่นกระบอกสองหน้าเรียกว่า เมเรกุม Merekum หรือ เมเรกุน Merekun โดยสองหน้านั้นหมายถึงคู่ตรงข้ามอย่าง พระราชา และพระราชินี พ่อและแม่ อดีตและอนาคต ฯลฯ
1.2 อัคนี (มลทิน และบริสุทธิ์)
ภาพพระอัคนี
ที่มา https://www.astroved.com/astropedia/en/gods/agni
😈 พระอัคนี เป็นสมมุติของไฟต่าง ๆ มีเกิดและเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับเทพแห่งไฟในปุราณะบางตำนานก็เล่าเป็นเรื่องธรรมดาของไฟว่าพระอัคนีเกิดจากไม้สีกัน บางตำนานก็เป็นเทพนิยายว่า พระอัคนีเป็นบุตรฤาษีกัศยปะน้องของพระอินทร์ ฯลฯ
😈 พระอัคนีในบ้างครั้งก็มีสองหน้า และสามหน้า แต่ที่นิยมคือสองหน้า โดยพระอัคนีเคยต้องสาปให้กินของทุกอย่างทั้งที่สกปรกและไม่สกปรก เนื่องจากเป็นพยานในการให้รากษสตนหนึ่งลักพานางปุโลมาชายาพระฤาษีภฤฆุไป แต่ต่อมาจากบุตรในครรภ์ของนางคือ จยาวัน ออกมาจากครรภ์และเผารากษสตนนั้นไปเถ้าถ่านไปด้วยฤทธิ์นางปุโลมาจึงรอดมาได้และฟ้องฤาษีภฤฆุที่พึ่งไปอาบน้ำกลับมา
😈 หลังจากพระอัคนีถูกสาป พระพรหมมีเมตตาจึงให้พรว่าของที่พระอัคนีกินเข้าไปจะกลายเป็นของบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ไฟจึงได้รับหน้าที่ให้ชำระล้างมลทินทั้งปวง (ลุยไฟพิสูจน์พยาน) และส่งของที่มนุษย์เซ่นสังเวยไปสู่เทพทั้งหลายดังนั้นพระอัคนีจึงมีสองหน้า หน้าที่กินสิ่งทั้งหลายเข้าไป กับหน้าที่ปล่อยสิ่งทั้งหลายที่กลายเป็นของบริสุทธิ์กลับมา (ทำอาหาร?)
😈 กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเทพทั้งหลายกลัวว่า พระศิวะกับพระอุมาจะมีกามกีฑามากไปทำให้บุตรที่เกิดมามีฤทธิ์มากกว่าพวกตนจึงส่งพระอัคนีไปรบกวน พระศิวะโกรธจึงให้พระอัคนีกลืนน้ำพืช (อสุจิ) ของตนเข้าไป ทำให้พระอัคนีและเทวดาทั้งปวงตั้งครรภ์ขึ้นทันที่ เพราะพระอัคนีเป็นผู้ส่งผ่านอาหารไปให้เหล่าเทพ เมื่อไปปรึกษาพระพรหมและพระนารายณ์จึงให้พวกเทวดาไปคายพืช (อสุจิ/เอมบิโอ ? ) ออกมากลายเป็นภูเขาทองคำในป่าหิมพานต์ ส่วนพระอัคนีไปคายพืช (อสุจิ) ในแม่น้ำคงคา กลายเป็นดอกบัวผุดขึ้นมาเป็นพระขันธุมาร เหล่านางกฤติกาทั้งเจ็ดนำไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม แต่พวกสามีนางคือสัปตฤาษีไม่พอใจ ตั้งแต่นั้นมาสัปตฤาษีคือกลุ่มดาวหมีใหญ่ (ดาวจระเข้) กับดาวกฤติกา (ดาวลูกไก่ในราศีพฤกษภ) จึงแยกจากกัน
😈 มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับนางสวาหะ ชายาพระอัคนี โดยในเทพนิยายอินเดียบางสำนวน กล่าวว่า นางสวาหะเป็นธิดาของท้าวทักษะประชาบดี ได้หลงรักพระอัคนี แต่พระอัคนีนั้นไปรักเหล่านางกฤติกาทั้งเจ็ด ชายาของเหล่าสัปตฤาษี ด้วยเหตุที่คิดว่าการหลงรักภรรยาผู้อื่นไม่ถูกต้อง พระอัคนีจึงมีความทุกใจจะไปฆ่าตัวตายในป่า นางสวาหะรู้เข้าจึงแปลงเป็นนางกฤติกาทั้งเจ็ดไปเสพรักกับพระอัคนีในป่า แต่หลังจากเสพรักกับพระอัคนีเสร็จแล้วนางก็คิดได้ว่าการแปลงเป็นภรรยาคนอื่นมามีอะไรกับชายที่ตนรักนั้นไม่เหมาะสมถ้าที่คนมาพบเห็นเข้าจะสร้างความเสียหายให้พวกนางกฤติกาได้ นางจึงแปลงเป็นนางครุฑบินหนีไป แต่นั้นมาพระอัคนีก็ได้ชื่อว่ามีนางสวาหะเป็นชายา ตำนานนี้ว่าพระขันธกุมารเป็นลูกที่เกิดกับนางสวาหะ แต่เนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรส พระทักษะประชาบดีสั่งให้พวกนางกฤติกาเอาไปฆ่า แต่นางไม่ทำตาม และต่อมานางสตี/อุมาเทวีเห็นว่าเป็นหลาน เพราะนางสวาหะเป็นน้องสาวจึงรับมาเลี้ยงไว้เป็นบุตร
2) เทพคู่แฝด
2.1 คู่การหลับกับความตาย
เทพแห่งการนอนหลับ
ฮีปนอส Hypnos (ชื่อโรมันคือ Somnus) เทพแห่งการนอนหลับ Hypnos เป็นลูกชายของ Nyx (Night) และเป็นพี่ชายฝาแฝดของ Thanatos (Death) ในตำนานกรีกเขาอธิบายว่าฮีปนอสอาศัยอยู่ในว่างระหว่างนรก ที่เต็มไปด้วยเกาะต่าง ๆ และหินแหลมคม ใกล้ดินแดนของพวกคิมเมอเรียนส์ Cimmerians ตามกลางน่านน้ำแห่งแม่น้ำแห่งการหลงลืม "เลเธ" Lethe ในถ้ำที่มืดมิด เทพฮิปนอส Hypnos จะนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ รายล้อมไปด้วยลูกชายทั้งพันคนของเขาซึ่งเป็นทูตแห่งความฝัน (มนุษย์ทรายสร้างฝัน?) เหล่าลูก ๆ ที่เป็นสำคัญคือ มอรเฟอุส Morpheus ซึ่งสร้างความฝันของมนุษย์ ไอซ์ลุส Icelus สร้างความฝันของสัตว์ ส่วน แฟนตาซัส Phantasos สร้างความฝันของพืช ก้อนหิน สายน้ำ และสิ่งไม่มีชีวิต (แต่มีวิญญาณ เช่นความฝันของภูตประจำต้นไม้ ความฝันของคนตาย)
😈 ในมหากาพย์อีเลียด Iliad ของโฮเมอร์อีปนอส Hypnos ได้รับคำสั่งจากราชินีเทพเฮร่า Hera ให้ทำให้ จอมเทพซีอุส Zeus หลับเพื่อที่นางจะได้ช่วยเหลือชาวกรีกในการทำสงครามกับกรุงทรอย และเพื่อเป็นรางวัลสำหรับอีปนอส Hypnos เฮร่าจึงมอบนางเปซิเทีย Pasithea (การผ่อนคลาย) ให้แต่งงานด้วย นอกจากนี้ในศึกสงครามกรุงทอย อีนอส และทานาทอส (Hypnos และ Thanatos) อุ้มร่างของซาร์เปดอน Sarpedon ออกมาจากสนามรบหลังจากที่เขาถูกสังหารโดยนักรบ ปาโตรคลุส Patroclus
เทพแห่งความตาย
😈 เทพทานาทอส Thanatos ในศาสนากรีกโบราณและเทพนิยายการสมมุติตัวตนของความตายเทพทานาทอส Thanatos ว่าเป็นบุตรชายของไนซ์ Nyx เทพีแห่งราตรีและน้องชายของเทพฮีปนอส Hypnos เทพแห่งการนอนหลับ เทพทานาทอสสามารถปรากฏตัวต่อมนุษย์เพื่อนำพวกเขาออกไปสู่นรกเมื่อเวลาที่กำหนดโดยชะตากรรมได้หมดอายุลง เทพทานาทอส Thanatos เคยพ่ายแพ้โดยนักรบเฮอราเคลส Heracles ผู้ต่อสู้กับเทพทานาทอสเพื่อช่วยชีวิตของนางออลเซสติส Alcestis ภรรยาของแอทเมตัส Admetus และเขาถูกหลอกโดยราชาซิไซฟุส Sisyphus กษัตริย์แห่งเมืองโครินธ์ Corinth ที่ต้องการโกงความตายเพื่อโอกาสที่จะชีวิตต่อ
2.2 แฝดเทพกับมนุษย์
Pollux และ Castor ทั้งคู่รู้จักในนามของ Dioscuri เป็นที่มาของกลุ่มดาว Gemini หรือราศีเมถุน โดยกล่าวกันว่า มารดาของพวกไดโอสคูรี (Dioscuri) ถูกเข้าหาด้วยเทพซูสที่ปลอมตนเป็นพระสวามี ดังนั้นนางจึงให้กำเนิดแฝดที่เป็นทั้งมนุษย์ Castor และกึ่งเทพ Pollux ซึ่งในการต่อสู้เพื่อแย่งเจ้าสาวคนอื่น Castor ซึ่งเป็นมนุษย์ตาย แต่ Pollux เป็นเทพไม่ตาย จึงขอร้องจอมเทพซูสบิดาให้แบ่งความเป็นอมตะของตนให้แฝดของตนเอง ทั้งสองจึงถูกพาขึ้นไปเป็นกลุ่มดาวราศีเมถุน ซึ่งดาราศาสตร์อาหรับโบราณหรือเปอร์เชียมองกลุ่มดาวนี้ว่าเป็นดาวนกยูงคู่
2.3 แฝดคู่เหมือน
ภาพเทพแฝดอัศวิน
ที่มา http://www.talentshare.org/~mm9n/articles/dev/01%20Vedism.htm
เทพแห่งการแพทย์ (อัศวิน)
😈 กล่าวกันว่าเทพอัศวิน เป็นบุตรของพระอาทิตย์กับนางสนธยา เดิมนางสนธยามีลูกกับพระอาทิตย์คือพระยม และนางยมี (ยมุนา) โดยเนื่องจากนางสนธยาทนความร้อนของพระอาทิตย์ไม่ไหวนางจึงให้นางฉายาน้องสาว/เงาของตนปลอมเป็นตนเอง แล้วหนีไปซ่อนโดยแปลงเป็นม้า เมื่อนางฉายาให้กำเนิดพระเสาร์แล้ว พระอาทิตย์เกิดรู้ว่านางไม่ใช่นางสนธยาก็ออกตามหา เมื่อพบก็แปลงเป็นม้าไปสมจรด้วย นางม้าแปลงสนธยาจึงให้กำเนิดพระอัศวิน เทพแฝดที่มีหน้าเป็นม้า จากนั้นทั้งสองก็กลับสวรรค์ไป พระวิศวกรรมบิดาของนางสนธยาผู้เป็นนายช่างเทวดาจึงขุดเอารัศมีบางส่วนของพระอาทิตย์ออกมาบ้าง ทำให้นางสนธยาทนรัศมีจากพระอาทิตย์ได้ไม่ต้องหนีไปอีก ส่วนรัศมีที่ถูกขูดออกมา (หลุมดำในดวงอาทิตย์?) ก็ถูกนำไปสร้างอาวุธต่าง ๆ ให้พวกเทวดา
😈 นอกจากนี้ในทางโหราศาสตร์ถือว่าอัศวินเป็นเทพประจำดาวอัศวินี (บุตรีทักษะประชาบดี) ในกลุ่มดาวราศีเมษ และนางสนธยามีชื่อและสมญาเรียกอีกหลายชื่อ เช่น นางสรัณญู นางสรันยา ฯลฯ ก็ว่า บางตำนานว่า เป็นลูกพระพรหม ลูกพระวิศวกรรมบ้าง บางตำนานว่าเป็นชายาพระพรหม ชายาพระอาทิตย์ บางตำนานว่าเป็นปางหนึ่งของชายาพระศิวะก็มี ฯ เชื่อว่าแต่เดิมคือบุคคลวัตของยามสนธยา และอาทิตย์อัสดง
3) เทพคู่สามีภรรยา
3.1 ยับยัม
😈 ยับยัมคือรูปเคารพของนิกายพุทธตันตระของธิเบต ที่แสดงการสมจรของพระโพธิสัตว์หรือพุทธเจ้ากับนางตารา หรือนางศักติของพุทธศาสนานิกายธิเบต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสมมุติขึ้นจากความเชื่อของนิกายตันตระและศักติที่มองจักรวาลในลักษณะของคู่ตรงข้ามที่ประสมผสมกันและกันให้เกิดขึ้นว่า นิพพานและสังสารวัฏเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นภาพลักษณ์การมีกามเมถุนธรรมของเทพ พุทธ และโพธิสัตว์จึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และถูกตีความหมายใหม่ในทางปรัชญา
😈 โดยแม้ว่าภาพเสพกามของยับยัมจะไม่ได้รับการยอมรับในพุทธศาสนานิกายอื่น ที่มองว่าเป็นภาพลามกก็ตาม แต่ถ้าสังเกตในทางศิลป์ภาพยับยัมใช้นางตาราเป็นอาภรณ์สำหรับเทพและโพธิสัตว์ปิดบังไม่ให้เห็นหน้าอกและอวัยวะเพศเพราะคู่ศักติและเทพจะหันหน้าประกบกันให้เห็นแต่ด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ นอกจากภาพยับยัมที่เป็นโครงกระดูกของพระยมทูตจิตติปตี ที่จิตติปตีจะเข้าหาทางด้านหลังของโครงกระดูกที่เป็นคู่สตรี แสดงให้เห็นว่าแม้แต่งานพุทธศิลป์อย่างยับยัมก็มีขอบเขตแบ่งระหว่างลามกกับศิลปะ (หมายถึงส่วนใหญ่)
😈 ซึ่งการนับถือภาพสัญลักษณ์การสืบพันธุ์นั้นเป็นสิ่งที่เก่าแก่มีมานานนับแต่สมัยสังคมมนุษย์เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เพราะกิน นอน สืบพันธุ์ เป็นธรรดาของสัตว์โลก แม้มนุษย์ก็หนีไม่พ้น แม้จะมองมันว่าเป็นเรื่องสกปรก (อย่างคริสต์) สะอาด หรือศักดิ์สิทธิ์ (อย่างฮินดู) หรือไม่ก็ตาม
3.2 อรรธนารีศวร
😈 ในนิทานปุราณของอินเดียเรื่องหนึ่งกล่าวว่าฤาษีภฤงคี (भृंगी) บูชาแต่พระศิวะ ต่อมาพระแม่อุมา หรือปารวตีเกิดอยากจะให้พระฤาษีบูชาตนบ้าง แต่ไม่ว่าจะใช้แผนการใด ๆ ก็ตามแต่สุดท้ายฤาษีภฤงคีก็ยังบูชาแต่พระศิวะ สุดท้ายพระแม่ปารวตีจึงขอร่วมร่างกับพระศิวะเกิดเป็นปางพระอรรธนารีศวร แต่พระฤาษีภฤงคีก็แปลงเป็นแมลงภู่/ด้วงบินรอบส่วนที่เป็นภาคของพระศิวะเพื่อทำความเคารพเท่านั้น่ พระแม่ปารวตีโกรธจึงสาปให้ฤาษีภฤงคีสิ้นพลังผอมแห้งจนยืนแทบไม่ได้ ดังนั้นพระศิวะจึงให้พรให้ฤาษีภฤงคีมีสามขา เพื่อช่วยให้ท่านยืนได้
😈 นอกจากนี้ยังมีนิทานอื่น ๆ ที่เล่าเรื่องการที่พระศิวะรวมร่างกับพระแม่ปารวตีเพื่อปราบอสูร เพื่อเต้นรำ ฯลฯ โดยในนัยะความหมายเดิมพระอรรธนารีศวรสำหรับโลกเก่าในความเชื่อโบราณที่ชายกับหญิงต้องคู่กันแล้วพระอรรธนารีศวรคือรูปการเสพรักของเทพแบบยับยัมที่ถูกทำให้สุภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับรูปศิวะลิงค์ของอินเดียที่ถูกประดับให้สวยงามเดิมก็มีที่มาจากเจ้าโลกของบุรุษ
😈 แต่ในโลกใหม่ที่เพศทางเลือกหรือเพศสภาพมีหลากหลายชายอาจจะไม่คู่กับหญิง และหญิงไม่คู่กับชาย ความเป็นชายและหญิงถูกตีความว่าเป็นสิ่งที่สังคมสมมุติขึ้น อยู่ที่จิตใจไม่ได้อยู่ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ดังนั้นพระอรรธนารีศวร จึงถูกนำมาตีความใหม่เพื่อรับใช้สังคมเป็นเรื่องของความเป็นชายในหญิง และความเป็นหญิงในชายที่เขาว่ามีกันทุกคนมากน้อยคือผสมกันกลายเป็นบุคลิกภาพที่แสดงออกมาของแต่ละคน
ที่มา https://greyschool.wordpress.com/2017/01/02/the-demon-belial-a-student-submission/
😈 พญามารเบเลียลสามารถแจกจ่ายงานและติดต่อกับปีศาจต่าง ๆ ได้ สร้างความโปรดปรานให้เพื่อนและศัตรู สามารถมอบภูตรับใช้ที่ยอดเยี่ยม สามารถตอบความจริงทุกอย่าง แต่เบเลียลจะโกหกและไม่ตอบความจริงจนกว่าจะถูกสะกดด้วยพลังเวทมนต์ ในวงเวทมนต์ และตราประทับ พญามารเบเลียลคุมกองทัพผีและปีศาจ 50 กองพล
😈 ภาพลักษณ์ของพญามารเบเลียล มักปรากฏเป็นปีศาจมีเขามีปีกทั่วไปในสมัยหลังเพราะไม่มีใครสนใจภาพลักษณ์เดิมที่ปรากฏเป็นเทวทูตหรือปีศาจสองตนมากนัก เนื่องจากอาจจะใช้การตีความเชิงปรัชญาหรือตำนานในพระคัมภีร์ มากกว่าเรื่องราวที่ระบุไว้ในคัมภีร์กุญแจย่อยของโซโลมอน
ที่มา http://occult-world.com/demons/belial/
😈 แต่อย่างไรก็ตามภาพลักษณ์ที่ปรากฏเป็นเทพทูตสองตนหรือสองหัวในร่างเดียวกันอาจจะมีความสัมพันธ์กับ
1) เทพสองหน้า (ความคิดสองด้าน)
Janus god
1.1 Janus (กุญแจชีวิต อดีตและปัจจุบัน)
😈 เทพจานัส Janus เป็นเทพของโรมโบราณซึ่งนับถือกันว่า เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นและสิ้นสุด เทพแห่งปรปักษ์ เช่นสงครามและสันติภาพ ประตูของอาคารแบบโรมในเหรียญตราโบราณที่เรียกว่าประตูแห่งเทพจานัส คือสัญลักษณ์ของเทพจานัส ซึ่งกล่าวกันว่าการเปิดประตูคือการเริ่มต้นของสงคราม การปิดคือสัญลักษณ์ของสันติภาพ ในฐานะเทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลง เทพจานัสมีหน้าที่เกี่ยวกับการเกิด การเดินทาง การแลกเปลี่ยน การค้า และการขนส่ง
😈 การบูชาเทพจานัส Janus ไม่มีนักบวช (sacerdos) ที่ได้รับมอบหมายให้ทำโดยเฉพาะเจาะจง แต่ผู้นำแห่งพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ (rex sacrorum) อาจจะประกอบพิธีขึ้นเอง เพราะความนับถือเทพจานัส Janus มีการแพร่หลายอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่ถึงอย่างนั้นเทพเจนัสก็ไม่ใช่เทพเจ้าหลักองค์สำคัญ
😈 อย่างไรก็ดียังไม่พบว่ามีเทพของชาวกรีกโบราณที่ถูกเปรียบเทียบกับจานัส Janus ดังนั้นเทพจานัสจึงเป็นเทพดังเดิมของโรมัน
ภาพหุ่นกระบอกสองหัว "เมเรกุม" ในมาลี แอฟริกา
😈 โดยการนับถือเทพสองหน้าแบบจานัส น่าจะแพร่หลายทั่วไป เพราะในแอฟริกาของชนเผ่า บามานา (Bamana)ในตอนกลางของดินแดนแห่งมาลี Mali ทวีปแอฟริกา ก็มีหุ่นกระบอกสองหน้าเรียกว่า เมเรกุม Merekum หรือ เมเรกุน Merekun โดยสองหน้านั้นหมายถึงคู่ตรงข้ามอย่าง พระราชา และพระราชินี พ่อและแม่ อดีตและอนาคต ฯลฯ
1.2 อัคนี (มลทิน และบริสุทธิ์)
ที่มา https://www.astroved.com/astropedia/en/gods/agni
😈 พระอัคนี เป็นสมมุติของไฟต่าง ๆ มีเกิดและเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับเทพแห่งไฟในปุราณะบางตำนานก็เล่าเป็นเรื่องธรรมดาของไฟว่าพระอัคนีเกิดจากไม้สีกัน บางตำนานก็เป็นเทพนิยายว่า พระอัคนีเป็นบุตรฤาษีกัศยปะน้องของพระอินทร์ ฯลฯ
😈 พระอัคนีในบ้างครั้งก็มีสองหน้า และสามหน้า แต่ที่นิยมคือสองหน้า โดยพระอัคนีเคยต้องสาปให้กินของทุกอย่างทั้งที่สกปรกและไม่สกปรก เนื่องจากเป็นพยานในการให้รากษสตนหนึ่งลักพานางปุโลมาชายาพระฤาษีภฤฆุไป แต่ต่อมาจากบุตรในครรภ์ของนางคือ จยาวัน ออกมาจากครรภ์และเผารากษสตนนั้นไปเถ้าถ่านไปด้วยฤทธิ์นางปุโลมาจึงรอดมาได้และฟ้องฤาษีภฤฆุที่พึ่งไปอาบน้ำกลับมา
😈 หลังจากพระอัคนีถูกสาป พระพรหมมีเมตตาจึงให้พรว่าของที่พระอัคนีกินเข้าไปจะกลายเป็นของบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้ไฟจึงได้รับหน้าที่ให้ชำระล้างมลทินทั้งปวง (ลุยไฟพิสูจน์พยาน) และส่งของที่มนุษย์เซ่นสังเวยไปสู่เทพทั้งหลายดังนั้นพระอัคนีจึงมีสองหน้า หน้าที่กินสิ่งทั้งหลายเข้าไป กับหน้าที่ปล่อยสิ่งทั้งหลายที่กลายเป็นของบริสุทธิ์กลับมา (ทำอาหาร?)
😈 กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเทพทั้งหลายกลัวว่า พระศิวะกับพระอุมาจะมีกามกีฑามากไปทำให้บุตรที่เกิดมามีฤทธิ์มากกว่าพวกตนจึงส่งพระอัคนีไปรบกวน พระศิวะโกรธจึงให้พระอัคนีกลืนน้ำพืช (อสุจิ) ของตนเข้าไป ทำให้พระอัคนีและเทวดาทั้งปวงตั้งครรภ์ขึ้นทันที่ เพราะพระอัคนีเป็นผู้ส่งผ่านอาหารไปให้เหล่าเทพ เมื่อไปปรึกษาพระพรหมและพระนารายณ์จึงให้พวกเทวดาไปคายพืช (อสุจิ/เอมบิโอ ? ) ออกมากลายเป็นภูเขาทองคำในป่าหิมพานต์ ส่วนพระอัคนีไปคายพืช (อสุจิ) ในแม่น้ำคงคา กลายเป็นดอกบัวผุดขึ้นมาเป็นพระขันธุมาร เหล่านางกฤติกาทั้งเจ็ดนำไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม แต่พวกสามีนางคือสัปตฤาษีไม่พอใจ ตั้งแต่นั้นมาสัปตฤาษีคือกลุ่มดาวหมีใหญ่ (ดาวจระเข้) กับดาวกฤติกา (ดาวลูกไก่ในราศีพฤกษภ) จึงแยกจากกัน
Rama , Sita , Brahma, Siva & Agni
😈 มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับนางสวาหะ ชายาพระอัคนี โดยในเทพนิยายอินเดียบางสำนวน กล่าวว่า นางสวาหะเป็นธิดาของท้าวทักษะประชาบดี ได้หลงรักพระอัคนี แต่พระอัคนีนั้นไปรักเหล่านางกฤติกาทั้งเจ็ด ชายาของเหล่าสัปตฤาษี ด้วยเหตุที่คิดว่าการหลงรักภรรยาผู้อื่นไม่ถูกต้อง พระอัคนีจึงมีความทุกใจจะไปฆ่าตัวตายในป่า นางสวาหะรู้เข้าจึงแปลงเป็นนางกฤติกาทั้งเจ็ดไปเสพรักกับพระอัคนีในป่า แต่หลังจากเสพรักกับพระอัคนีเสร็จแล้วนางก็คิดได้ว่าการแปลงเป็นภรรยาคนอื่นมามีอะไรกับชายที่ตนรักนั้นไม่เหมาะสมถ้าที่คนมาพบเห็นเข้าจะสร้างความเสียหายให้พวกนางกฤติกาได้ นางจึงแปลงเป็นนางครุฑบินหนีไป แต่นั้นมาพระอัคนีก็ได้ชื่อว่ามีนางสวาหะเป็นชายา ตำนานนี้ว่าพระขันธกุมารเป็นลูกที่เกิดกับนางสวาหะ แต่เนื่องจากเป็นบุตรนอกสมรส พระทักษะประชาบดีสั่งให้พวกนางกฤติกาเอาไปฆ่า แต่นางไม่ทำตาม และต่อมานางสตี/อุมาเทวีเห็นว่าเป็นหลาน เพราะนางสวาหะเป็นน้องสาวจึงรับมาเลี้ยงไว้เป็นบุตร
2) เทพคู่แฝด
Hypnos & Thanatos in Saint Seiya, the lost canvas Japanese Comic 2009 -2011
2.1 คู่การหลับกับความตาย
เทพแห่งการนอนหลับ
ฮีปนอส Hypnos (ชื่อโรมันคือ Somnus) เทพแห่งการนอนหลับ Hypnos เป็นลูกชายของ Nyx (Night) และเป็นพี่ชายฝาแฝดของ Thanatos (Death) ในตำนานกรีกเขาอธิบายว่าฮีปนอสอาศัยอยู่ในว่างระหว่างนรก ที่เต็มไปด้วยเกาะต่าง ๆ และหินแหลมคม ใกล้ดินแดนของพวกคิมเมอเรียนส์ Cimmerians ตามกลางน่านน้ำแห่งแม่น้ำแห่งการหลงลืม "เลเธ" Lethe ในถ้ำที่มืดมิด เทพฮิปนอส Hypnos จะนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ รายล้อมไปด้วยลูกชายทั้งพันคนของเขาซึ่งเป็นทูตแห่งความฝัน (มนุษย์ทรายสร้างฝัน?) เหล่าลูก ๆ ที่เป็นสำคัญคือ มอรเฟอุส Morpheus ซึ่งสร้างความฝันของมนุษย์ ไอซ์ลุส Icelus สร้างความฝันของสัตว์ ส่วน แฟนตาซัส Phantasos สร้างความฝันของพืช ก้อนหิน สายน้ำ และสิ่งไม่มีชีวิต (แต่มีวิญญาณ เช่นความฝันของภูตประจำต้นไม้ ความฝันของคนตาย)
😈 ในมหากาพย์อีเลียด Iliad ของโฮเมอร์อีปนอส Hypnos ได้รับคำสั่งจากราชินีเทพเฮร่า Hera ให้ทำให้ จอมเทพซีอุส Zeus หลับเพื่อที่นางจะได้ช่วยเหลือชาวกรีกในการทำสงครามกับกรุงทรอย และเพื่อเป็นรางวัลสำหรับอีปนอส Hypnos เฮร่าจึงมอบนางเปซิเทีย Pasithea (การผ่อนคลาย) ให้แต่งงานด้วย นอกจากนี้ในศึกสงครามกรุงทอย อีนอส และทานาทอส (Hypnos และ Thanatos) อุ้มร่างของซาร์เปดอน Sarpedon ออกมาจากสนามรบหลังจากที่เขาถูกสังหารโดยนักรบ ปาโตรคลุส Patroclus
เทพแห่งความตาย
😈 เทพทานาทอส Thanatos ในศาสนากรีกโบราณและเทพนิยายการสมมุติตัวตนของความตายเทพทานาทอส Thanatos ว่าเป็นบุตรชายของไนซ์ Nyx เทพีแห่งราตรีและน้องชายของเทพฮีปนอส Hypnos เทพแห่งการนอนหลับ เทพทานาทอสสามารถปรากฏตัวต่อมนุษย์เพื่อนำพวกเขาออกไปสู่นรกเมื่อเวลาที่กำหนดโดยชะตากรรมได้หมดอายุลง เทพทานาทอส Thanatos เคยพ่ายแพ้โดยนักรบเฮอราเคลส Heracles ผู้ต่อสู้กับเทพทานาทอสเพื่อช่วยชีวิตของนางออลเซสติส Alcestis ภรรยาของแอทเมตัส Admetus และเขาถูกหลอกโดยราชาซิไซฟุส Sisyphus กษัตริย์แห่งเมืองโครินธ์ Corinth ที่ต้องการโกงความตายเพื่อโอกาสที่จะชีวิตต่อ
2.2 แฝดเทพกับมนุษย์
Pollux และ Castor ทั้งคู่รู้จักในนามของ Dioscuri เป็นที่มาของกลุ่มดาว Gemini หรือราศีเมถุน โดยกล่าวกันว่า มารดาของพวกไดโอสคูรี (Dioscuri) ถูกเข้าหาด้วยเทพซูสที่ปลอมตนเป็นพระสวามี ดังนั้นนางจึงให้กำเนิดแฝดที่เป็นทั้งมนุษย์ Castor และกึ่งเทพ Pollux ซึ่งในการต่อสู้เพื่อแย่งเจ้าสาวคนอื่น Castor ซึ่งเป็นมนุษย์ตาย แต่ Pollux เป็นเทพไม่ตาย จึงขอร้องจอมเทพซูสบิดาให้แบ่งความเป็นอมตะของตนให้แฝดของตนเอง ทั้งสองจึงถูกพาขึ้นไปเป็นกลุ่มดาวราศีเมถุน ซึ่งดาราศาสตร์อาหรับโบราณหรือเปอร์เชียมองกลุ่มดาวนี้ว่าเป็นดาวนกยูงคู่
2.3 แฝดคู่เหมือน
ภาพเทพแฝดอัศวิน
ที่มา http://www.talentshare.org/~mm9n/articles/dev/01%20Vedism.htm
เทพแห่งการแพทย์ (อัศวิน)
😈 กล่าวกันว่าเทพอัศวิน เป็นบุตรของพระอาทิตย์กับนางสนธยา เดิมนางสนธยามีลูกกับพระอาทิตย์คือพระยม และนางยมี (ยมุนา) โดยเนื่องจากนางสนธยาทนความร้อนของพระอาทิตย์ไม่ไหวนางจึงให้นางฉายาน้องสาว/เงาของตนปลอมเป็นตนเอง แล้วหนีไปซ่อนโดยแปลงเป็นม้า เมื่อนางฉายาให้กำเนิดพระเสาร์แล้ว พระอาทิตย์เกิดรู้ว่านางไม่ใช่นางสนธยาก็ออกตามหา เมื่อพบก็แปลงเป็นม้าไปสมจรด้วย นางม้าแปลงสนธยาจึงให้กำเนิดพระอัศวิน เทพแฝดที่มีหน้าเป็นม้า จากนั้นทั้งสองก็กลับสวรรค์ไป พระวิศวกรรมบิดาของนางสนธยาผู้เป็นนายช่างเทวดาจึงขุดเอารัศมีบางส่วนของพระอาทิตย์ออกมาบ้าง ทำให้นางสนธยาทนรัศมีจากพระอาทิตย์ได้ไม่ต้องหนีไปอีก ส่วนรัศมีที่ถูกขูดออกมา (หลุมดำในดวงอาทิตย์?) ก็ถูกนำไปสร้างอาวุธต่าง ๆ ให้พวกเทวดา
😈 นอกจากนี้ในทางโหราศาสตร์ถือว่าอัศวินเป็นเทพประจำดาวอัศวินี (บุตรีทักษะประชาบดี) ในกลุ่มดาวราศีเมษ และนางสนธยามีชื่อและสมญาเรียกอีกหลายชื่อ เช่น นางสรัณญู นางสรันยา ฯลฯ ก็ว่า บางตำนานว่า เป็นลูกพระพรหม ลูกพระวิศวกรรมบ้าง บางตำนานว่าเป็นชายาพระพรหม ชายาพระอาทิตย์ บางตำนานว่าเป็นปางหนึ่งของชายาพระศิวะก็มี ฯ เชื่อว่าแต่เดิมคือบุคคลวัตของยามสนธยา และอาทิตย์อัสดง
3) เทพคู่สามีภรรยา
Yab Yum
3.1 ยับยัม
😈 ยับยัมคือรูปเคารพของนิกายพุทธตันตระของธิเบต ที่แสดงการสมจรของพระโพธิสัตว์หรือพุทธเจ้ากับนางตารา หรือนางศักติของพุทธศาสนานิกายธิเบต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสมมุติขึ้นจากความเชื่อของนิกายตันตระและศักติที่มองจักรวาลในลักษณะของคู่ตรงข้ามที่ประสมผสมกันและกันให้เกิดขึ้นว่า นิพพานและสังสารวัฏเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นภาพลักษณ์การมีกามเมถุนธรรมของเทพ พุทธ และโพธิสัตว์จึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และถูกตีความหมายใหม่ในทางปรัชญา
😈 โดยแม้ว่าภาพเสพกามของยับยัมจะไม่ได้รับการยอมรับในพุทธศาสนานิกายอื่น ที่มองว่าเป็นภาพลามกก็ตาม แต่ถ้าสังเกตในทางศิลป์ภาพยับยัมใช้นางตาราเป็นอาภรณ์สำหรับเทพและโพธิสัตว์ปิดบังไม่ให้เห็นหน้าอกและอวัยวะเพศเพราะคู่ศักติและเทพจะหันหน้าประกบกันให้เห็นแต่ด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ นอกจากภาพยับยัมที่เป็นโครงกระดูกของพระยมทูตจิตติปตี ที่จิตติปตีจะเข้าหาทางด้านหลังของโครงกระดูกที่เป็นคู่สตรี แสดงให้เห็นว่าแม้แต่งานพุทธศิลป์อย่างยับยัมก็มีขอบเขตแบ่งระหว่างลามกกับศิลปะ (หมายถึงส่วนใหญ่)
😈 ซึ่งการนับถือภาพสัญลักษณ์การสืบพันธุ์นั้นเป็นสิ่งที่เก่าแก่มีมานานนับแต่สมัยสังคมมนุษย์เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เพราะกิน นอน สืบพันธุ์ เป็นธรรดาของสัตว์โลก แม้มนุษย์ก็หนีไม่พ้น แม้จะมองมันว่าเป็นเรื่องสกปรก (อย่างคริสต์) สะอาด หรือศักดิ์สิทธิ์ (อย่างฮินดู) หรือไม่ก็ตาม
Ardhanarisvara
3.2 อรรธนารีศวร
😈 ในนิทานปุราณของอินเดียเรื่องหนึ่งกล่าวว่าฤาษีภฤงคี (भृंगी) บูชาแต่พระศิวะ ต่อมาพระแม่อุมา หรือปารวตีเกิดอยากจะให้พระฤาษีบูชาตนบ้าง แต่ไม่ว่าจะใช้แผนการใด ๆ ก็ตามแต่สุดท้ายฤาษีภฤงคีก็ยังบูชาแต่พระศิวะ สุดท้ายพระแม่ปารวตีจึงขอร่วมร่างกับพระศิวะเกิดเป็นปางพระอรรธนารีศวร แต่พระฤาษีภฤงคีก็แปลงเป็นแมลงภู่/ด้วงบินรอบส่วนที่เป็นภาคของพระศิวะเพื่อทำความเคารพเท่านั้น่ พระแม่ปารวตีโกรธจึงสาปให้ฤาษีภฤงคีสิ้นพลังผอมแห้งจนยืนแทบไม่ได้ ดังนั้นพระศิวะจึงให้พรให้ฤาษีภฤงคีมีสามขา เพื่อช่วยให้ท่านยืนได้
ภาพและเรื่องฤาษีภฤิงคี (สำนวนแบบเล่าให้เด็กเล็กฟัง)
😈 นอกจากนี้ยังมีนิทานอื่น ๆ ที่เล่าเรื่องการที่พระศิวะรวมร่างกับพระแม่ปารวตีเพื่อปราบอสูร เพื่อเต้นรำ ฯลฯ โดยในนัยะความหมายเดิมพระอรรธนารีศวรสำหรับโลกเก่าในความเชื่อโบราณที่ชายกับหญิงต้องคู่กันแล้วพระอรรธนารีศวรคือรูปการเสพรักของเทพแบบยับยัมที่ถูกทำให้สุภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับรูปศิวะลิงค์ของอินเดียที่ถูกประดับให้สวยงามเดิมก็มีที่มาจากเจ้าโลกของบุรุษ
😈 แต่ในโลกใหม่ที่เพศทางเลือกหรือเพศสภาพมีหลากหลายชายอาจจะไม่คู่กับหญิง และหญิงไม่คู่กับชาย ความเป็นชายและหญิงถูกตีความว่าเป็นสิ่งที่สังคมสมมุติขึ้น อยู่ที่จิตใจไม่ได้อยู่ที่อวัยวะสืบพันธุ์ ดังนั้นพระอรรธนารีศวร จึงถูกนำมาตีความใหม่เพื่อรับใช้สังคมเป็นเรื่องของความเป็นชายในหญิง และความเป็นหญิงในชายที่เขาว่ามีกันทุกคนมากน้อยคือผสมกันกลายเป็นบุคลิกภาพที่แสดงออกมาของแต่ละคน
😇😇😇😇😇😇😇
Half man & woman show
Makeup man to woman
Hellraiser USA film , 1988
Two face in The dark knight (Batman) British-American film, 2008
America horror series 2014
Two face, Batman DC comic 1942-2013
Aaroniero & Arruruerie the espada in Bleach, Japanese Comic 2011
Kabuto, the villain in Naruto Japanese comic 2016
Indian Ardhanariswara dancing
😇 ฮาบูฮิยาห์เป็นทูตสวรรค์แห่งการรักษา และผู้รักษาทุกคน พระองค์ปกป้องวิธีการทางการแพทย์และการบำบัดทั้งหมด นอกจากนี้พระองค์สามารถเรียกคืนความสมดุลในชีวิตของมวลมนุษย์ สามารถคืนความสมดุลทางกายภาพหรือสุขภาพ ช่วยให้มนุษย์จัดการสุขภาพจิตอารมณ์และจิตใจ พลังทูตสวรรค์แห่งการบำบัดของฮาบูฮิยาห์นั้นเกี่ยวข้องกับวิธีการรักษาแบบใช้พลังทางจิตวิญญาณการ พระองค์สามารถช่วยมนุษย์ปรับและเข้าใจความต้องการของตนเอง เทวทูตสวรรค์ฮาบูฮิยาสามารถแนะนำมนุษย์ให้ปรับตัวให้ได้ตามมาตรฐานของพระเจ้า พระองค์มีพลังสร้างสรรค์ที่คุณต้องการสำหรับชีวิตที่สมบูรณ์และสมดุล พระองค์สามารถฟื้นฟูร่างกายและวิญญาณของมวลมนุษย์ ให้เชื่อมโยงกับวิถีธรรมชาติ และในการเกษตร สามารถอธิษฐานสำหรับการปกป้องของพระองค์สำหรับการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ดี
ภาพฮาบูฮิยาห์ เทวทูตสวรรค์แห่งการรักษา
😇😇😇😇😇
Makeup man to woman
Hellraiser USA film , 1988
Two face in The dark knight (Batman) British-American film, 2008
Two face, Batman DC comic 1942-2013
Aaroniero & Arruruerie the espada in Bleach, Japanese Comic 2011
Sakon & Ukon ,the member of sound four team Naruto Japanese comic 2016
Kabuto, the villain in Naruto Japanese comic 2016
Indian Ardhanariswara dancing