Citipati
วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2567
The favorite cup café in Mae Klong ล้านถ้วยโปรด
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2567
ร้านอาหาร Hometown Cafe โฮมทาวน์ คอฟ (เป็นร้านอาหารเบลเยี่ยม) แผนที่
............................
อาหารที่แนะนำ กาแฟร้อน กาแฟเย็น เค้ก สเต็ก ผักขม อบชีส เป็นต้น
วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566
กัลมาษะบาท พระเจ้าเท้าด่าง หรือพระยาปุริสาท เวอร์ชั่นสันสกฤต ที่มาตำนานจิ้งจอกเก้าหางของอินเดีย
ตามที่ปรากฏเนื้อเรื่องในอุตตระ กัณฑะ ของวัลมิกิ รามายณะ ชื่อของกัลมาษปาท (कल्माषपाद) หรือ กัลมาษะบาท คือ วีรสหะ เสาทาสะ (वीरसह सौदास / ในปุราณะอื่นใช่ว่า มิตฺรสห मित्रसह )
ครั้งหนึ่งกษัตริย์กัลมาษะบาทออกล่าสัตว์
ได้พบรากษสสองตนอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง รากษสทั้งสองได้กินสัตว์ในป่าจนหมดจนแล้วแปลงกลายเป็นเสือ (ในห้องสินวรรณกรรมจีนแปลไทย
ว่า เสือปลา ในเรื่องนาจาละครจีนว่า จิ้งจอกเก้าหาง) นอนพักอยู่ เจ้าชายเสาทาสะได้ฆ่ารักษสตนหนึ่ง และ (รากษส) อีกตนหนึ่งก็สาบานว่าจะแก้แค้น
(เพราะได้ฆ่าเพื่อนของตน) (Satya Chaitanya. 2009: Online)
หลายปีต่อมา เจ้าชายเสาทาสะได้กลายเป็นกษัตริย์กัลมาษะบาทแห่งอโยธยา
เรื่องมีว่าพระเจ้าเสาทาสะได้รับการสนับสนุนจากพระฤๅษีวสิษฐะ ให้ทรงประกอบอาศวเมธาอยู่นานหลายปี จนถึงวันสุดท้ายของพิธีบวงสรวง รากษสร้ายก็พบโอกาส มันได้แปลงร่างเป็นพระฤๅษีวสิษฐะมาเข้าเฝ้าพระเจ้าเสาทาสะและบอกพระราชาว่าเนื่องจากเป็นวันสิ้นสุดของการบูชายัญเขาจึงต้องการให้ถวายเนื้อสัตว์ในมื้ออาหารของเขา กษัตริย์ทรงสั่งให้แม่ครัวนางตนเครื่องในวังปรุงเนื้อสัตว์ถวายพระฤๅษี
แล้วรากษสฉวยโอกาสเข้าไปในครัวโดยปลอมตัวเป็นคนครัวคนหนึ่ง เพื่อเตรียมเนื้อมนุษย์ด้วย
และเนื้อนั้นไปพร้อมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อให้พระเจ้าเสาทาสะถวายเนื้อมนุษย์ให้แด่พระฤๅษีวสิษฐะและฤๅษีบริวาร
โดยพระฤๅษีทั้งหลายนั้นรู้ว่านี่คือเนื้อของมนุษย์ ทำให้ฤๅษีวสิษฐะโกรธมากจึงสาปให้พระเจ้าเสาทาสะกลายเป็นรากษส
(Satya Chaitanya. 2009: Online)
กษัตริย์เสาทาสะทรงพระพิโรธต่อความอยุติธรรม
จึงทรงหยิบน้ำไว้ในพระหัตถ์และเสริมกำลังด้วยมนต์สะกด
และทรงเตรียมสาปแช่งวศิษฐะด้วยเช่นกัน แต่นางมทยันตี (मदयन्ती) พระมเหสีของพระองค์หยุดยั้งพระเจ้าเสาทาสะจากบาปนี้
โดยบอกว่าพระองค์ไม่สมควรสาปแช่งพราหมณ์ แต่เนื่องจากน้ำสาปนั้นไม่สามารถสิ้นเปลืองได้ นางจึงขอให้พระราชารดน้ำลงบนเท้าของพระองค์เอง กษัตริย์กัลมาษะบาทก็ทำตาย ทำให้เท้าของพระองค์ก็กลายเป็นด่าง ในตอนนั้น พระราชาจึงได้ชื่อว่า กัลมาษะบาท ที่แปลว่า ตีนด่าง (Satya
Chaitanya. 2009: Online)
พระฤๅษีวสิษฐะจึงเสนอไว้ว่า จะให้การปลดปล่อยกษัตริย์กัลมาษะบาทจากคำสาปเมื่อครบสิบสองปี แต่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมสิ่งนี้ถึงทำให้กษัตริย์กัลมาษะบาทพอใจ เพราะไม่ใช่ความผิดของความหุนหันพลันแล่นของตน และคิดว่า “พระฤๅษีวสิษฐะได้พรากชีวิตของเขาไปสิบสองปีและเปลี่ยนผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์อิษวากุให้กลายเป็นเดรัจฉานที่น่าสงสารเช่นนี้” ทั้งเป็นไปได้ว่าในขณะที่ธรรมชาติของรากษะที่เข้าครอบงำ ขณะที่พระเจ้ากัลมาษะบาทจมลงในความมืดฝ่ายวิญญาณ
พระองค์จึงเริ่มแสวงหาการแก้แค้นและบุตรชายของพระฤๅษีวสิษฐะกินจนหมด (Satya
Chaitanya. 2009: Online)
.......................
ต่อมาในปุราณะอื่น ๆ
ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลัง พระเจ้ากัลมาษะบาทได้ไปกินสามีนางพราหมณ์ท้องแก้ผู้หนึ่งจึงถูกนางสาปก่อนเข้ากองไฟตายตามสามี
สาปว่า “ไม่ให้พระเจ้ากัลมาษะบาทสามารถแตะต้องหญิงใดได้อีก” และเพื่อเป็นการไถ่บาปที่กินลูกฤๅษีวสิษฐะจนหมดจึง
ให้พระฤๅษีวสิษฐะทำพิธีสังโยคหลับนอนกับนางมทยันตี (ทามยันตรี ก็ว่า)
เพื่อให้กำหนิดทายาทสืบบัลลังก์ราชวงศ์อิษวากุ ที่เป็นสายเลือดของฤๅษีวสิษฐะ หลังจากนั้นนางมทยันตีได้ตั้งครรภ์
แต่คลอดลูกไม่ออกจึงเอาหินมีคม กรีด (หรือทุบ) ท้องตนเองแล้วให้กำเนิด เจ้าชายอศมกะ (अशमक)
แปลว่าผู้เกิดจากหิน ก่อนทิวงคต (ตาย) ไป
.....................
ในปุราณะสำนวนอื่นกล่าวว่า พระเจ้ากัลมาษะบาท
ทะเลาะกับศักติมหาฤๅษีบุตรคนแรกของพระฤๅษีวิศวามิตร
ที่เดินผ่านทางแคบแห่งหนึ่งแล้วไม่ยอมหลบทางให้กัน จนถูกสาปเป็นรากษสแล้วจึงจับศักติมหาฤๅษีกิน
แล้วจึงเป็นไปตามสำนวนอื่น ๆ ที่จับลูกชายพระฤๅษีวสิษฐะทั้ง 99 ที่มาแก้แค้นกิน
........
ในสำนวนจีนที่อ้างอิงถึงปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ปรากฏนิทานเรื่องห้ามกินหัวหอมผักกินฉุนในเทศกาลกินเจคล้ายกันที่ว่า นางปีศาจจิ้งจอกเก้าหางปลอมมาเป็นนางสนมในวัง โดยนางมีความกลัวว่าพระสังฆราชที่พระราชานับถือมากจะจับได้ว่านางเป็นปีศาจจึงตั้งใจแกล้งให้พระสังฆราชศีลขาด จึงได้เชิญพระสังฆราชมากินเลี้ยงในวังโดยแอบเอาเนื้อมนุษย์ไปให้แม่ครัวในวังปรุงให้พระสังฆราชกิน แต่พระสังฆราชเป็นพระเถระผู้ใหญ่มีญาณกล้า จึงปัดอาหารที่ถวายทิ้งลงพื้นและขับไล่ปีศาจจิ้งจอกไป ส่วนอาหารที่ตกพื้นไปต่อมาที่ตรงนั้นก็มีหอมกระเทียมงอกออกมา ทำให้ในประเพณีกินเจห้ามกินหอมกะเทียม โดยในสำนวนของ ธ.ธรรมรักษ์ แปลไทยบอกแต่ว่าเป็นพระมเหสีไม่ได้บอกว่าเป็นปีศาจจิ้งจอก (ธ.ธรรมรักษ์. มปป: ออนไลน์)
โดยนิทานนี้นางปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมีบทบาทคล้ายกับนางรากษสที่ปลอมตัวเป็นคนครัวในวังสำนวนอินเดีย
แต่เรื่องผักต้องห้ามในเทศกาลกินเจและตำนานจีน ญี่ปุ่น เกาหลี
เป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมีอิทธิพลมาก แต่ของอินเดียเป็นรากษส
ส่วนของไทยก็จะตรงกับเรื่องราวของนางผีเสื้อน้ำ หรือนางผีเสื้อสมุทรที่แอบปลอมเป็นสาวงานในวรรณคดีไทย
ทั้งเรื่องพิกุลทอง พระอภัยมณี ฯลฯ
ส่วนเรื่องปุริสาทกินผี หาอ่านได้ที่อรรถกถา
มหาสุตโสมชาดก. ว่าด้วย พระเจ้าสุตโสมทรงทรมานพระยาโปริสาทโจรป่าอดีตกษัตริย์ที่ชอบกินเนื้อมนุษย์
โดยอนุภาคเรื่องปุริสาทกินผี หรือกินคนนี้ก็คล้ายกันกลับกันแค่พ่อครัวฆ่ามนุษย์เอามาให้พระราชากินแล้วติดใจ
ไม่ได้เอาเนื้อให้พระฤๅษีกิน (พระไตรปิฏก. 2548:
ออนไลน์)
...........
อ้างอิง
ธ.ธรรมรักษ์. (มปป).
กินเจ. (ออนไลน์).จาก https://torthammarak.wordpress.com
z/2011/10/06/การกินเจ/ (23/9/2566)
พระไตรปิฏก. (2548).
อรรถกถา มหาสุตโสมชาดกว่าด้วย พระเจ้าสุตโสมทรงทรมานพระยาโปริสาท . (ออนไลน์)
จาก https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=315 (23/9/2566)
Satya Chaitanya. (Saturday,
October 10, 2009). Madayanti: The Woman Who Tore Open Her Womb. (online).
From inner traditions : http://innertraditions.blogspot.com /2009/10/madayanti-woman-who-tore-open-her-womb.html (23/9/2566)
...........................
According to this version, given in the Uttara
Kanda of the Valmiki Ramayana, Kalmashapada’s name was Veerasaha Saudasa. Once,
out hunting, he comes across two rakshasas in a forest. The rakshasas have
eaten up all the animals of the forest, assuming the form of tigers. Saudasa
kills one of the rakshasas and the other vows revenge. Years later Saudasa
becomes the king of Ayodhya and he, under the protection of Vasishtha, conducts
an ashwamedha that lasts several years. On the last day of the sacrifice, the
rakshasa finds his opportunity. He assumes the form of Vasishtha and coming to
Saudasa tells him that since it is the concluding day of the sacrifice he would
like meat to be served to him in his meal. The king instructs his cooks to cook
meat, but they are confused. Meat for Vasishtha – they are not able to
understand that. The rakshasa takes advantage of the confusion of the cooks and
entering the kitchen in the guise of one of them, prepares not just meat, but
human flesh itself, and brings this along with the rest of the meal to the
king. Saudasa with great devotion offers the meal to Vasishtha and the sage,
recognising the flesh, curses the king and changes him into a rakshasa for the
sin of offering him a meal fit only for rakshasas. (Satya Chaitanya. 2009:
Online)
วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
พระอรหันต์ไม่หลงลืม
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
กามวิตถาร ประเภทกินขี้กินเยี่ยว
พฤติกรรมกินขี้เยี่ยวเป็นกามวิตถาร (sexual deviation เซกซวล เดวิเอชั่น) อย่างหนึ่ง
refer to: https://tenor.com/view/anoo-poop-happy-gif-13005869
......................มาจากจิตใต้สำนึก สนองอารมณ์ทางเพศ เช่นเดียวกับสุนัข......................
Saliromania ซาลิโลมาเนีย คือ กามวิตถารที่มีต่อสิ่งสกปรก วัดถุที่น่าขยะแขยงหรือผิดรูป
.............
Coprophilia หรือ Coprolagnia) ค็อพโรฟิลเลียหรือ ค็อพโรแล็กเนีย คือ เวจกาม หมายถึง ภาวะที่คนได้รับความสุข ความพอใจทางเพศ โดยมีอุจจาระเป็นองค์ประกอบ เช่น การถ่ายอุจจาระบนร่างของคู่ร่วมเพศ หรือให้คู่ร่วมเพศถ่ายอุจจาระบนร่างของตน หรือ อาจกินอุจจาระ ของคู่ร่วมเพศด้วย ด้วยความรู้สึกบูชานับถือ
..............
Urophilia ยูโรพีเลีย คือ กามวิตถารมีความสุขกับปัสสวะของคู่นอน
refer to: https://giphy.com/gifs/peep-peeing-1xOyJc0JRQrpsJUp7U
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563
เมืองเซ็น หรือเซนไน เมืองหลวงของอินเดียใต้ที่สุนทรภู่กล่าวถึง
สุนทรภู่กล่าวถึงชาวทมิฬในเมืองเซนไน (อินเดียใต้)
💥มีแต่ชาวลังกาที่ชังทมิฬ ส่วนพวกฝรั่งกรีก มาตั้งชุมชนอยู่ที่นาคปัฏฏินัม ซึ่งขุดพบลูกปัดและเหรียญกรีกเป็นหีบ ๆ มีนักวิชาการเชื่อว่าผ้าฝ้ายที่พวกกรีกโรมันใส่ทอมาจากอินเดียใต้ (แต่ลังกาในเรื่องอภัยมณีเป็นเมืองฝรั่งจึงต้องว่าฝรั่งดำลังกา คือพวกสิงหลเกลียด ซึ่งชาวสิงหลรบกับทมิฬที่อยู่ตอนตอนเหนือเกาะลังกาคือดินแดนทมิฬมาแต่สมัยโบราณ จาฟนา Jaffna kingdom ตามฝรั่งหรือรู้จักในชื่อทมิฬว่า "ยาฬป์ปาณะ อะระซุ" யாழ்ப்பாண அரசு โดยปัจจุบันคนทมิฬในศรีลังกาถูกกวาดล้างอำนาจด้วยสงครามในปี 2552 ทำให้กองทหารพยัคฆ์อีแลมถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายพร้อมครอบครัวก่อนวันที่ 19 พ.ค. 2552 ปัจจุบันรัฐบาลศรีลังกาพยายามส่งเสริมให้จาฟนา เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของทมิฬ-ศรีลังกา หรือทมิฬอีแลม)
ชีเปลือยในเรื่องพระอภัยมาจากไหน? และเป็นนักบวชประเภทใดในวัฒนธรรมอินเดีย
1) สาธุ साधु นักบวชที่ละโลกใช้ชีวิตแบบสันยาสี เป็นคำเรียกรวม ๆ ทั้งนักบวชฮินดู นิกายศังกราจารย์ (ไศวนิกายย่อย) นาคาสาธุ (ไศวะ) อโฆรี (ไศวะ) นิกายรามานุชะ (ไวษณพ) สวามีนารายณะ (ไวษณพ) สวามีรามกฤษณะ (ศักติ-มหากาลี) ร่วมทั้งศาสนาไชนะ และและบางครั้งแขกใช่เรียกพระสงฆ์ชาวพุทธด้วย
2) สาธฺวี साध्वी นักบวชหญิง
3) สวามี स्वामी ใช้เรียก สามีในหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ แขก หรือพระผู้ใหญ่ เหมือนคำว่า พระคุณเจ้า หรือ มหาเถระ ใช้เรียกเจ้าลัทธิ หรือบุคคลที่เป็นศูนย์ร่วมจิตใจ มีคำไวพจน์เช่น บาบา (คุณพ่อ ตรงกับคำว่า father ของคริสต์)
4) ทิกฺษา दिक्षा การบวช
5) มาตาชี माताजी ขั้นการบวชของไชนะที่สตรีต้องโกนผม หรือแม่ชีนักบวชสตรีนิกายต่าง ๆ
ชีเปลือยอินเดียมีสามพวกใหญ่คือ
6) ทิคัมพร दिगम्बर คือนักบวชในศาสนาไชนะ หรือเชน เป็นมังสวิรัติ
7) เศฺวตามพร श्वेताम्बर นักบวชหญิงและชายนิกายเศวตัมพร นุ่งขาวห่มขาวไม่เปลือย ทั้งชายหญิงทุกนิกายโกนผม
8) อโฆรี अघोरी กินเนื้อมนุษย์ ไม่ต้องมีครู ชอบทำเรื่องแปลก น่ากลัวเพื่อเรียกศรัทธา
9) นาคา สาธุ नागा साधु พวกกินเนื้อสัตว์ แต่ไม่กินเนื้อมนุษย์ มีบ้างเป็นมังสวิรัติ เรียนกับครู 12 ปี ในสำนักเรียกว่า ขารา หรืออขารา จึงบวชได้ ส่วนใหญ่อยู่ที่ กุมภเมลา ฝึกโยคะ มีความรู้รักษาโรคได้บ้าง เล่นมายากล ลอยได้บ้าง หรือนั่งทรงตัวในท่าแปลก ๆ ของโยคะ เพื่อเรียกศรัทธา
ปล. ทั้งอโฆรี และนาคาสาธุสองพวกนี้นับถือพระศิวะ และนักบวชเปลือยเอาขี้เถ้าทาตัวเหมือนกัน แต่นักบวชหญิงส่วนใหญ่นุ่งผ้าสีโทนเหลืองแดงหรือสีฝาดไม่เปลือย และไว้ผมยาว บางคนไว้ยาวมากม้วนเป็นมวยยาวเป็นเมตร ตรงกับชีเปลือยในเรื่องพระอภัยมณี
......
จะกล่าวความพราหมณ์แขกซึ่งแปลกเพศ.......อยู่เมืองเทศแรมทางที่กลางหน
ครั้นเสียเรือเหลือตายไม่วายชนม์..................ขึ้นอยู่บนเกาะพนมในยมนา
ไม่นุ่งห่มสมเพชเหมือนเปรตเปล่า..................เป็นคนเจ้าเล่ห์สุดแสนมุสา
ทำเป็นทีชีเปลือยเฉื่อยเฉื่อยช้า......................ไม่กินปลากินข้าวกินเต้าแตง
พวกสำเภาเลากาก็พาซื่อ...............................ชวนกันถือผู้วิเศษทุกเขตแขวง
คิดว่าขาดปรารถนาศรัทธาแรง........................ไม่ตกแต่งตั้งแต่คิดอนิจจัง
ใครขัดสนบนบานการสำเร็จ.............................เมื่อแท้เท็จถือว่าวิชาขลัง
คนมาขอก่อกุฏิ์ให้หยุดยั้ง................................นับถือทั้งธรณีเรียกชีเปลือย
ส่วนชายปลอมพร้อมหมดไม่อดอยาก................มีโยมมากเหมือนหมายสบายเรื่อย
จนหนวดงอกออกขาวดูยาวเฟื้อย......................ทั้งผมเลื้อยลากส้นอยู่คนเดียว ฯ
(พระอภัยมณีของสุนทรภู่)