รูปที่ 1 ดวงตรามารวาพูลา พญามารแห่งพลังแรงบันดาลใจลี้ลับ
ที่มา https://demonsanddemonolatry.com/demon-of-the-night-duke-vapula-night-demon/
ราศีปีศาจที่ 60 วาพูลา (Vapula) ประจำวันเกิดที่ 16-20 มกราคม
😈 วาพูลา (Vapula) หรือ นาพูลา (Naphula) พญามารแห่งพลังแรงบันดาลใจลี้ลับ คือพญามารตนที่ 60 ของพระเจ้าสุลัยมาน (โซโลมอน solomon) มีกองทัพผีและปีศาจ 36 กองพลในอำนาจ สามารถให้ความรู้ด้านจิตวิทยา กลศาสตร์ วิทยาศาสตร์ งานฝีมือ และอาชีพ มักปรากฏกายในรูปของสิงโตมีปีกบินได้
รูปที่ 2 เศดุ หรือ ลามัสสุ กริฟฟินแห่งเมโสโปเตเมีย
ที่มา https://www.metmuseum.org/toah/works-of-art/32.143.2/
😈 เชื่อกันว่า "วาพูลา" พัฒนาการมาจากเสือหรือสิงโตติดปีกในตำนานเปอร์เซีย (อีหร่าน) ซึ่งรับอิทธิพลมาจากเทพกริฟฟินของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ เศดุ Shedu หรือ ลามัสสุ Lamassu โดยมากจะเป็นสิงโตติดปีกอินทรีมีเศียรหรือตัวท่อนบนเป็นมนุษย์ คล้ายสฟิงซ์มีปีกหรือ เป็นวัวมีปีกอินทรีเศียรมนุษย์คล้ายนางโคสวรรค์กามเธนุของอินเดีย แต่เทพอารักษ์เศดุ หรือลามัสสุส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดเป็นเพศชาย
😈 โดยในสมัยปัจจุบันก็ยังส่งอิทธิพลไปสู่ ศรเภศวรัน Sharabeshwaran สัตว์ ครึ่งสิงโตครึ่งครุฑครึ่งคนของอินเดียใต้ซึ่งเป็นอวตารปางหนึ่งของพระศิวะ ซึ่งลงมาปราบนรสิงห์ ซึ่งหลังจากฆ่า หิรัณยักษิปุ พ่อพญาประหลาดได้ นรสิงห์ก็ยังอาละวาดไล่ท้ารบกับนักรบและเทวดาไปทั่วจักรวาลไม่ยอมกลับสวรรค์ พระศิวะเลยต้องอวตารมาเป็น ศรภะ (เป็นเจ้าป่าในวรรณคดีอินเดียมีอำนาจเหนือราชสีห์เพราะเป็นสัตว์ผสมจากสัตว์บกและสัตว์ปีกที่มีอำนาจที่สุด โดยถ้าเป็นสัตว์น้ำสัตว์ที่มีอำนาจที่สุดจะเป็น มกระ อ่าน มะกะระ หรือมังกรแขก ซึ่งก็เป็นสัตว์ผสมจากสัตว์น้ำ และสัตว์บกที่มีอำนาจที่สุด)
รูปที่ 4 พระพุทธเจ้าและบริวารทรงตัวศรภะ (พระพนัสบดี ศรีทวารวดี)
ที่มา https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=vinitsiri&month=03-2010&date=14&group=35&gblog=35
ที่มา https://demonsanddemonolatry.com/demon-of-the-night-duke-vapula-night-demon/
ราศีปีศาจที่ 60 วาพูลา (Vapula) ประจำวันเกิดที่ 16-20 มกราคม
~Vapula flying~
😈 วาพูลา (Vapula) หรือ นาพูลา (Naphula) พญามารแห่งพลังแรงบันดาลใจลี้ลับ คือพญามารตนที่ 60 ของพระเจ้าสุลัยมาน (โซโลมอน solomon) มีกองทัพผีและปีศาจ 36 กองพลในอำนาจ สามารถให้ความรู้ด้านจิตวิทยา กลศาสตร์ วิทยาศาสตร์ งานฝีมือ และอาชีพ มักปรากฏกายในรูปของสิงโตมีปีกบินได้
รูปที่ 2 เศดุ หรือ ลามัสสุ กริฟฟินแห่งเมโสโปเตเมีย
ที่มา https://www.metmuseum.org/toah/works-of-art/32.143.2/
😈 เชื่อกันว่า "วาพูลา" พัฒนาการมาจากเสือหรือสิงโตติดปีกในตำนานเปอร์เซีย (อีหร่าน) ซึ่งรับอิทธิพลมาจากเทพกริฟฟินของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ เศดุ Shedu หรือ ลามัสสุ Lamassu โดยมากจะเป็นสิงโตติดปีกอินทรีมีเศียรหรือตัวท่อนบนเป็นมนุษย์ คล้ายสฟิงซ์มีปีกหรือ เป็นวัวมีปีกอินทรีเศียรมนุษย์คล้ายนางโคสวรรค์กามเธนุของอินเดีย แต่เทพอารักษ์เศดุ หรือลามัสสุส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดเป็นเพศชาย
รูปที่ 3 ศรเภศวร อวตารปางหนึ่งของพระศิวะเพื่อมาปราบนรสิงห์คลั่ง
😈 โดยในสมัยปัจจุบันก็ยังส่งอิทธิพลไปสู่ ศรเภศวรัน Sharabeshwaran สัตว์ ครึ่งสิงโตครึ่งครุฑครึ่งคนของอินเดียใต้ซึ่งเป็นอวตารปางหนึ่งของพระศิวะ ซึ่งลงมาปราบนรสิงห์ ซึ่งหลังจากฆ่า หิรัณยักษิปุ พ่อพญาประหลาดได้ นรสิงห์ก็ยังอาละวาดไล่ท้ารบกับนักรบและเทวดาไปทั่วจักรวาลไม่ยอมกลับสวรรค์ พระศิวะเลยต้องอวตารมาเป็น ศรภะ (เป็นเจ้าป่าในวรรณคดีอินเดียมีอำนาจเหนือราชสีห์เพราะเป็นสัตว์ผสมจากสัตว์บกและสัตว์ปีกที่มีอำนาจที่สุด โดยถ้าเป็นสัตว์น้ำสัตว์ที่มีอำนาจที่สุดจะเป็น มกระ อ่าน มะกะระ หรือมังกรแขก ซึ่งก็เป็นสัตว์ผสมจากสัตว์น้ำ และสัตว์บกที่มีอำนาจที่สุด)
รูปที่ 4 พระพุทธเจ้าและบริวารทรงตัวศรภะ (พระพนัสบดี ศรีทวารวดี)
ที่มา https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=vinitsiri&month=03-2010&date=14&group=35&gblog=35
😈 เรียกว่า "ศรเภศวร" ซึ่งเมื่อปราบพระนารายณ์ปางนรสิงห์ได้แล้วทั้งสองก็กลับวิมานของแต่ละตนไป ซึ่งตามเนื้อเรื่องแสดงให้เห็นชัดว่าไศวะนิกายยกพระศรเภศวรขึ้นมาข่มพระนรสิงหาวตารที่มีคนนับถือมากในอินเดียใต้ เพราะมีการค้นพบเทวรูปหินนรสิงห์ขนาดใหญ่ที่เมืองหัมปิ Hampi อินเดียใต้ โดยในทางพุทธศาสนามหายานในสมัยทวารวดีของไทยก็มีรูป พุทธรูปเหยียบเศียรศรภะ ซึ่งเป็นการข่มไศวนิกาย โดยตัวศรภะของไทยเป็นลูกผสมของพาหนะทั้งหลายของตรีมูรติได้แก่ หงส์ของพรหม วัวของพระศิวะ และครุฑของพระนารายณ์ แสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าพุทธศาสนาสูงส่งกว่าตรีมูรติทั้งสาม ปัจจุบันชาวไทยเรียกปางนี้ว่า "พระพนัสบดี ศรีทวารวดี" ซึ่งเป็นพุทธปางประทับยืนบนตัวศรภะ มีโพธิสัตว์ซ้ายขวาเช่นพระอมิตาภะของจีนหรือขอมโบราณ ส่วนคำว่า "พนัสบดี" เป็นนามเทพอารักษ์ปรากฏในโองการแช่งน้ำเพื่อเชื่อมโยงกับวรรณคดีโบราณของไทยทำให้พุทธรูปปางเหยียบศรภะ หรือศรภะจะถูกเข้าใจว่าเป็นพนัสบดีในยุคปัจจุบัน ส่วนจะเป็นพนัสบดีในโองการแช่งน้ำจริงหรือไม่ต้องหาหลักฐานกันไป แต่ที่แน่ ๆ ตัวที่พุทธรูปทรง หรือเหยียบหัวอยู่แขกเรียกว่า "ศรภะ"
ภาพที่ 7 นรสิงที่เมืองหัมปิ อินเดียใต้ (เคยเห็นภาพที่อาจารย์ศาสตราจารย์นาคสวามีไปบูรณะสมัยที่รูปสลักนรสิงห์นี้ยังหลุดเป็นชิ้น ๆ ในรูปเก่าสมัยที่ท่านหนุ่ม ๆ ในบ้านของท่านด้วย)
😈 อย่างคชสิงห์ แขกอินเดียใต้ก็เรียกว่า "ยาฬี" หรือ "ยาลี" (ไม่ใช่ยาฬ ยาฬเป็นพิณชนิดหนึ่ง) แม้ว่าไทยจะใช้คำยืมภาษาบาลีสันสกฤตของแขกแต่หลายคำไทยสร้างคำบาลีสันสกฤตใช้เอง (โดยเฉพาะศัพท์บัญญัติใหม่) หรือความนิยมในการเลือกใช้คำที่มีหลากหลายคำให้เลือกใช้ก็ไม่ตรงกันอยู่ดี
😇😇😇😇😇😇😇😇
😇 มิตซราเอล Mitzrael เป็นเทวทูตสวรรค์ผู้อุปถัมภ์แห่งการซ่อมแซมภายใน ซึ่งสามารถช่วยให้ทุกคนเรียนรู้และเข้าใจ หน้าที่ และสิทธิของตนเอง คือเทวทูตสวรรค์ประจำวันที่ 16-20 มกราคม มิตซราเอล Mitzrael เทวทูตสวรรค์ผู้อุปถัมภ์แห่งการซ่อมแซมภายใน ช่วยให้มวลมนุษย์สามารถแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเองได้ สามารถรักษาความเจ็บป่วยทางจิตใจ และแนะนำการชดใช้บาปทั้งหลายผ่านการรับรู้ทางวิญญาณ นอกจากนี้ยังสามารถอำนวยความสะดวกในการศึกษาและการปฏิบัติด้านจิตวิทยาและจิตเวช และชี้นำให้มนุษย์ทั้งหลายฝึกปฏิบัติงานทางปัญญาด้วยการประสานกันของการรวมตัวกันระหว่างร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ หากใครศึกษาและต้องการประสบความสำเร็จในด้านจุลชีววิทยา เทคโนโลยี และประสาทวิทยา ซึ่งมิตซราเอล Mitzrael สามารถให้พลังสนับสนุนได้ โดยสุดท้ายแล้วเทวทูตสวรรค์มิตซราเอล Mitzrael จะนำความเรียบง่ายมาสู่ทุกด้านในชีวิตของคุณ
ภาพที่ 6 เทวทูตสวรรค์ มิตซราเอล แห่งการซ่อมแซมรักษาจิตใจภายใน
ที่มา https://spiritualexperience.eu/mitzrael-angel-of-reparation/
.........
รูปที่ 8 The Lion of Saint Mark, สิงโตติดปีกถือไบเบิลของเซนต์มาร์คบนธงโบราณของอิตาลี
ที่มา https://www.zazzle.com/italian+flag+coasters
ภาพที่ 9 มกระ (มังกรทะเลอินเดีย)
ที่มา https://www.pinterest.com/pin/303007881171780788/
.........
ที่มา https://www.zazzle.com/italian+flag+coasters
ภาพที่ 9 มกระ (มังกรทะเลอินเดีย)
ที่มา https://www.pinterest.com/pin/303007881171780788/
~ Narnia movie 2005~
😇 แม้จะไม่มีปีก แต่สิงโตที่เป็นตัวแทนแห่งพลังใจในเรื่องนาร์เนีย ก็มีบทบาทเช่นเดียวกับวาพูลา ซึ่งพ่อมดหมอผีสามารถส่งไปให้กำลังบริวารของตนในการทำสงครามได้ แต่ในเรื่องนาร์เนีย สิงโตถูกเปลี่ยนเป็นตัวแทนแห่งความดี และแม่มดน้ำแข็งคือตัวแห่งความชั่วร้าย
😇 เชื่อว่าแต่เดิมสมัยพระเจ้าสุลัยมานพยายามเปลี่ยนเทพท้องถิ่นต่าง ๆ ให้กลายเป็นปีศาจด้วยการเสกสรรปั้นแต่งว่าเทพท้องถิ่นเดิมคือเทวทูตตกสวรรค์ทั้งหมด เพื่อยกย่องพระเจ้าสูงสุดองค์เดียวตามความเชื่อเอกเทวนิยมที่พัฒนามาเป็นศาสนาคริสต์ปัจจุบัน สมัยนั้นพวกกริฟฟิน และสิงโตติดปีกของเป็นตัวแทนของพญามาร แต่ต่อมาเนื่องจากสิงโตเป็นตัวแทนแห่งอำนาจและความสง่างามในใจของมนุษย์ที่โหยหาพลังและแรงบันดาลใจยามสิ้นหลัง เพราะตามหลักจิตวิทยาคนเราเวลาตกยากหรืออยู่ในความมืดมิดของด้านมืดในใจก็มักจะหาสัญลักษณ์หรืออะไรบางอย่างเพื่อการลุกขึ้นต่อสู่กับความขัดแย้งในตนเอง หรือสังคม อย่างแบดแมน ก็มีค้างคาว แคทวู้แมนมีแมว ฯ ในการ์ตูนก็สะท้อน ความเชื่อของการใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าต่าง ๆ ในสมัยโบราณที่หลงเหลือในปัจจุบันรูปแบบหนึ่ง หรือแม้แต่คริสตศาสนาบางนิกายในยุคหลังก็มีการยอมรับนำ ตัวกริฟฟิน และสิงโตติดปีกกลับมาใช้ใหม่ว่าเป็นตัวแทนแห่งพลัง ความดี และแสงสว่างในยุคหลังพระเจ้าสุลัยมาน เช่น การใช้สิงโตติดปีกถือพระคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเซนต์มาร์คในศาสนาคริสต์ของประเทศอิตาลี และกริฟฟินในนวนิยายฝรั่งสำหรับเด็กต่าง ๆ ในปัจจุบันมักอยู่ฝ่ายดี เพราะเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปความคิดก็เปลี่ยน ทำให้การยัดเยียดให้เทพท้องถิ่นกลายเป็นปีศาจของพระเจ้าสุลัยมานก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป ไปตลอด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น